Review: Logitech VX Nano Cordless Laser Mouse for Notebooks
2 Comments Published on 19.5.08 at 21:11.
เรื่องมันเริ่มมาจากเมื่อสักสามสัปดาห์ก่อน ระหว่างนั่งทำงานที่ออฟฟิศ
อยู่ดีๆ นิ้วชี้มื้อขวาก็เกิดอาการชานิดๆ
อาการนี้คงจะมาจากอะไรไม่ได้ นอกจาก ใ้ช้งานหนักเกินไป!? เนื่องจากงานนั้นพัวพันกับเอกสารจำนวนมหาศาล แถมต้อง scroll และกด Drag คลุม Cell Excel เป็นพันๆแถวบ่อยๆ ทำให้ต้องใช้นิ้วกดเม้าส์มากกว่าทำงานปกติเยอะ
ภาพตอนอาจารย์เป็ดเคยบ่นๆว่า เนี่ย เดี๋ยวพอแก่ๆ ต้องระวังนิ้วล็อค นี่แว้บกลับมาเลยทีเดียว
อยู่ดีๆำ็ก็นึกได้ว่า ไอ้พีทก็ไปเมกาอยู่นี่นา ถ้างั้นสั่งซื้อเม้าส์ผ่าน Amazon ไปส่งที่บ้านโต้ แล้วให้พีทแบกกลับก็น่าจะโอเค... ว่าแล้วก็เข้าไปหาข้อมูล แล้วก็ตัดสินใจจิ้มซื้อเม้าส์โน้ตบุ้ครุ่นทอปตัวใหม่ของ Logitech มาซะเลย! เพราะซื้อใน Amazon ตอนนี้มีโปรโมชั่น ลดไปตั้งราวๆ 20$ เหลือ 50$ บวกค่าชิปปิ้งแล้วก็ยังตกแค่ราวๆ 56$ ถูกกว่าที่ขายในเมืองไทยเป็นพัน (ขายกันตั้ง 2800)
อืม ใครจะว่าซื้อเม้าส์ไปทำไมตั้งเป็นพันๆ เหตุผลก็อย่างที่ว่าแหละ ซื้อเม้าส์ดีๆ น่าจะดีกับสุขภาพนิ้ว อำนวยความสะดวกในเรื่องการทำงาน และอีกอย่างก็คือ ซื้อมายังไงก็ได้ใช้จนคุ้มนั่นแหละ (แต่ก็นะ ถ้ายังไม่ได้ทำงาน คงไม่มีปัญญาจะซื้อ)
แล้วในที่สุด น้องหนูก็มาถึง หน้าตาตัวจริงดูดีกว่าในรูปซะอีก ส่วนสัมผัสก็ถนัดมือ (เย้ย!) น้ำหนักกำลังดีไม่เบาไม่หนักจนเกินไป
เม้าส์รุ่นนี้เป็นเม้าส์ Laser ซึ่งดีกว่า Optical ตรงที่มีความละเอียดสูงและใช้ได้เกือบทุกพื้นผิว (ยกเว้นกระจก) และเป็นเม้าส์ไร้สายแบบสัญญาณวิทยุ ซึ่งสาวกแม็คบางคนอาจจะอยากใช้เม้าส์ Bluetooth เพราะไม่ต้องมีตัว USB Receiver มาเสียบ แต่จากประสบการณ์ที่ลองเล่น Mighty Mouse ของคนอื่น ก็พอสรุปได้ว่าเม้าส์ Bluetooh นอกจากจะแพงแล้ว ยังตอบสนองได้ไม่ดีเท่าเม้าส์ RF (สัญญาณวิทยุ)
อย่างไรก็ตาม สำหรับเม้าส์รุ่นนี้ Logitech ก็ได้พัฒนาต้ว USB Receiver ใหม่ เป็น Nano Receiver ที่มีขนาดจิ๋วเท่าเหรียญบาท จากปกติที่ใหญ่พอๆกับ Thumb Drive ซึ่งก็เล็กพอที่จะเสียบค้างไว้ที่โน้ตบุ้คแล้วหิ้วใส่กระเป๋าไปไหนต่อไหนได้โดยไม่ต้องถอดออก
สำหรับ แบต ใช้ถ่าน AAA สองก้อน ซึ่งอ้างว่าใช้ได้ถึงราวๆหกเดือน! ซึ่งเม้าส์จะส่งสัญญาณไปที่คอม ซึ่งเราสามารถตรวจจากซอฟท์แวร์ของ Logitech ได้ว่าแบตเม้าส์ใช้ได้อีกประมาณกี่วัน ไฮโซโคตร
ตอนนี้ในคอมบอกว่าใช้ได้อีกราว 170 วัน ไว้เดี๋ยวจะคอยดูว่าจะอยู่ถึงจริงรึเปล่า จริงๆทำได้แค่เดือนนึงก็ภูมิใจแล้ว เพราะเม้าส์โนเนมอันเก่า เจองานโหดๆที่ออฟฟิศแค่อาทิตย์เดียวก็ร่วงแล้ว (ดีที่ออฟฟิศเบิกแบตได้ฟรี)
สำหรับการใช้งาน ก็มีออปชั่นโน่นนี่ให้สมกับที่ราคาแพงพอควร ซึ่งก็มีปุ่มพิเศษเพิ่มขึ้นมาสามปุ่ม ซึ่งเซตได้ว่าให้ทำอะไร อย่างในแม็คก็สามารถเซตปุ่มเรียกฟังก์ชั่น Expose' หรือ Spaces ได้ สะดวกสบายขึ้นพอควร แต่ที่ดีจริงๆกลับเป็นตัว Scroll แบบใหม่ ที่ลื่นไหลสบายสุดๆ จนสามารถ Scroll ไฟล์ Excel เป็นร้อยๆแถวได้เพียงการหมุนเพียงครั้งเดียว
อยู่ดีๆ นิ้วชี้มื้อขวาก็เกิดอาการชานิดๆ
อาการนี้คงจะมาจากอะไรไม่ได้ นอกจาก ใ้ช้งานหนักเกินไป!? เนื่องจากงานนั้นพัวพันกับเอกสารจำนวนมหาศาล แถมต้อง scroll และกด Drag คลุม Cell Excel เป็นพันๆแถวบ่อยๆ ทำให้ต้องใช้นิ้วกดเม้าส์มากกว่าทำงานปกติเยอะ
ภาพตอนอาจารย์เป็ดเคยบ่นๆว่า เนี่ย เดี๋ยวพอแก่ๆ ต้องระวังนิ้วล็อค นี่แว้บกลับมาเลยทีเดียว
อยู่ดีๆำ็ก็นึกได้ว่า ไอ้พีทก็ไปเมกาอยู่นี่นา ถ้างั้นสั่งซื้อเม้าส์ผ่าน Amazon ไปส่งที่บ้านโต้ แล้วให้พีทแบกกลับก็น่าจะโอเค... ว่าแล้วก็เข้าไปหาข้อมูล แล้วก็ตัดสินใจจิ้มซื้อเม้าส์โน้ตบุ้ครุ่นทอปตัวใหม่ของ Logitech มาซะเลย! เพราะซื้อใน Amazon ตอนนี้มีโปรโมชั่น ลดไปตั้งราวๆ 20$ เหลือ 50$ บวกค่าชิปปิ้งแล้วก็ยังตกแค่ราวๆ 56$ ถูกกว่าที่ขายในเมืองไทยเป็นพัน (ขายกันตั้ง 2800)
อืม ใครจะว่าซื้อเม้าส์ไปทำไมตั้งเป็นพันๆ เหตุผลก็อย่างที่ว่าแหละ ซื้อเม้าส์ดีๆ น่าจะดีกับสุขภาพนิ้ว อำนวยความสะดวกในเรื่องการทำงาน และอีกอย่างก็คือ ซื้อมายังไงก็ได้ใช้จนคุ้มนั่นแหละ (แต่ก็นะ ถ้ายังไม่ได้ทำงาน คงไม่มีปัญญาจะซื้อ)
แล้วในที่สุด น้องหนูก็มาถึง หน้าตาตัวจริงดูดีกว่าในรูปซะอีก ส่วนสัมผัสก็ถนัดมือ (เย้ย!) น้ำหนักกำลังดีไม่เบาไม่หนักจนเกินไป
เม้าส์รุ่นนี้เป็นเม้าส์ Laser ซึ่งดีกว่า Optical ตรงที่มีความละเอียดสูงและใช้ได้เกือบทุกพื้นผิว (ยกเว้นกระจก) และเป็นเม้าส์ไร้สายแบบสัญญาณวิทยุ ซึ่งสาวกแม็คบางคนอาจจะอยากใช้เม้าส์ Bluetooth เพราะไม่ต้องมีตัว USB Receiver มาเสียบ แต่จากประสบการณ์ที่ลองเล่น Mighty Mouse ของคนอื่น ก็พอสรุปได้ว่าเม้าส์ Bluetooh นอกจากจะแพงแล้ว ยังตอบสนองได้ไม่ดีเท่าเม้าส์ RF (สัญญาณวิทยุ)
อย่างไรก็ตาม สำหรับเม้าส์รุ่นนี้ Logitech ก็ได้พัฒนาต้ว USB Receiver ใหม่ เป็น Nano Receiver ที่มีขนาดจิ๋วเท่าเหรียญบาท จากปกติที่ใหญ่พอๆกับ Thumb Drive ซึ่งก็เล็กพอที่จะเสียบค้างไว้ที่โน้ตบุ้คแล้วหิ้วใส่กระเป๋าไปไหนต่อไหนได้โดยไม่ต้องถอดออก
สำหรับ แบต ใช้ถ่าน AAA สองก้อน ซึ่งอ้างว่าใช้ได้ถึงราวๆหกเดือน! ซึ่งเม้าส์จะส่งสัญญาณไปที่คอม ซึ่งเราสามารถตรวจจากซอฟท์แวร์ของ Logitech ได้ว่าแบตเม้าส์ใช้ได้อีกประมาณกี่วัน ไฮโซโคตร
ตอนนี้ในคอมบอกว่าใช้ได้อีกราว 170 วัน ไว้เดี๋ยวจะคอยดูว่าจะอยู่ถึงจริงรึเปล่า จริงๆทำได้แค่เดือนนึงก็ภูมิใจแล้ว เพราะเม้าส์โนเนมอันเก่า เจองานโหดๆที่ออฟฟิศแค่อาทิตย์เดียวก็ร่วงแล้ว (ดีที่ออฟฟิศเบิกแบตได้ฟรี)
สำหรับการใช้งาน ก็มีออปชั่นโน่นนี่ให้สมกับที่ราคาแพงพอควร ซึ่งก็มีปุ่มพิเศษเพิ่มขึ้นมาสามปุ่ม ซึ่งเซตได้ว่าให้ทำอะไร อย่างในแม็คก็สามารถเซตปุ่มเรียกฟังก์ชั่น Expose' หรือ Spaces ได้ สะดวกสบายขึ้นพอควร แต่ที่ดีจริงๆกลับเป็นตัว Scroll แบบใหม่ ที่ลื่นไหลสบายสุดๆ จนสามารถ Scroll ไฟล์ Excel เป็นร้อยๆแถวได้เพียงการหมุนเพียงครั้งเดียว
ปัญหาก็คือ ถ้าเรารัน Windows ผ่าน Parallels แล้ว ตัว Driver Mouse จะเป็นของ Parallels ไม่งั้นจะเละไปหมด และนั่นเป็นปัญหาทำให้การทำงาน Windows บน Parallels ไม่สามารถใช้ประโยชน์จากตัว Micro Gear Precision Scroll Wheel ได้น่ะสิ อ๊ากกกกก (เซ็ง)
สรุปว่า โดยทั่วไปแล้ว ถ้าใครอยากได้เม้าส์ดีๆ เม้าส์ตัวนี้ก็ไม่น่าทำให้ผิดหวัง แต่ราคาในเมืองไทยคงโหดร้ายไปหน่อย
หมายเหตุ : สำหรับคนที่ชอปของทาง Amazon โปรดระวังไว้อย่าง ถ้าของที่ซื้อไม่ใช่เป็นของของทาง Amazon เอง (เป็นร้านค้าอื่นที่ร่วมมือกับ Amazon) โปรดระวังการนับวันส่ง เพราะทั้งผม ทั้งพีท พลาดกันมาแล้ว เนื่องจากเวลาจะซื้อของจากร้านอื่น (Amazon Marketplace) มักจะขึ้นวันส่งไว้เพียงแค่ Estimate Shiping อย่างเดียว ซึ่งไม่ใช่วันที่เราจะไ้ด้ของ แต่เป็นวันที่ทางร้าน เริ่ม ส่งของ
หลังจากที่ร้านทำการส่งของแล้ว ระบบเช็คสถานะการส่งจึงค่อยขึ้น Estimate Arrival ซึ่งอันนี้แหละ ถึงเป็นวันที่ของน่าจะมาถึงเรา
เพราะฉะนั้น ถ้าใครเห็น Estimate Shipping ก็คงต้องบวกเวลาเผื่อจัุดส่งไปอีก ตามวิธีจัดส่งที่เลือกเอา บวกเวลาดีๆ จะได้ไม่ต้องมานั่งเซ็งแบบเรา -_-
สรุปว่า โดยทั่วไปแล้ว ถ้าใครอยากได้เม้าส์ดีๆ เม้าส์ตัวนี้ก็ไม่น่าทำให้ผิดหวัง แต่ราคาในเมืองไทยคงโหดร้ายไปหน่อย
------------------------
หมายเหตุ : สำหรับคนที่ชอปของทาง Amazon โปรดระวังไว้อย่าง ถ้าของที่ซื้อไม่ใช่เป็นของของทาง Amazon เอง (เป็นร้านค้าอื่นที่ร่วมมือกับ Amazon) โปรดระวังการนับวันส่ง เพราะทั้งผม ทั้งพีท พลาดกันมาแล้ว เนื่องจากเวลาจะซื้อของจากร้านอื่น (Amazon Marketplace) มักจะขึ้นวันส่งไว้เพียงแค่ Estimate Shiping อย่างเดียว ซึ่งไม่ใช่วันที่เราจะไ้ด้ของ แต่เป็นวันที่ทางร้าน เริ่ม ส่งของ
หลังจากที่ร้านทำการส่งของแล้ว ระบบเช็คสถานะการส่งจึงค่อยขึ้น Estimate Arrival ซึ่งอันนี้แหละ ถึงเป็นวันที่ของน่าจะมาถึงเรา
เพราะฉะนั้น ถ้าใครเห็น Estimate Shipping ก็คงต้องบวกเวลาเผื่อจัุดส่งไปอีก ตามวิธีจัดส่งที่เลือกเอา บวกเวลาดีๆ จะได้ไม่ต้องมานั่งเซ็งแบบเรา -_-
ป๊อปพูดถึงของ import แล้วทำให้นึกถึงนี่ทุกที...
อืม พลาดจริง
ว่าแต่ถ้าของอะเมซอนเกิน 25$ มีฟรีชิปปิ้งนะในเมกา