ได้อัพสักทีเนอะ สำหรับบล็อกเที่ยวเมกา
เนื่องจากว่ามีรูปที่อัพเยอะมากกกกกๆๆๆ เลยขอให้ไปดูที่นี่แทนละกันนะ เราโหลดไว้อีกหลายรูปที่ไม่ได้ลงในบล็อกนี้ http://www.flickr.com/photos/jaroz/sets/72157594235392615/
เวบ flickr นี้น่าตื่นเต้นมาก เข้าไปดูรูปเป็น slide show ก็ได้ แล้วก็ comment ภาพได้หลายอย่างมาก แบบแรกคือ comment ปกติท้ายภาพ
อีกแบบคือ ตอนคลิกดูรูปอะ เลือกปุ่ม add note ข้างบนของรูป มันจะให้เรา comment ตรงส่วนไหนก็ได้ของรูปได้เลย
(ถ้าไม่เข้าใจคลิกไปดูตรงนี้)
แต่ว่า จะคอมเม้นท์ได้ต้องสมัครสมาชิกก่อนอะ แต่ถ้าใครเปน member ของ yahoo! อยู่แล้วก็ log in ได้เลย
ใครที่มองๆหาเว็บเก็บภาพอยู่ โปรโหมตเว็บนี้ให้เลยละกัน เวิร์คมากๆ ฟังก์ชั่นแพรวพราวเหมือน GMail
อะ ต่อๆ เด๋วไม่ได้พูดถึง NY สักที
สำหรับความเดิมตอนที่แล้ว อ่านได้ที่นี่
http://jaroz.blogspot.com/2006/07/pop-in-nyc-part-1-i-hate-nyc.html
ความเดิมตอนที่แล้ว หลังจากที่หาที่พักได้สักที ก็ออกมาจาก apple store ก็เจอพาเหรดยิว ไม่รู้งานอะไรเหมือนกัน แล้วก็เดินลง 5th Ave. ไปเรื่อยๆ แล้วก็ได้เย้วกัน เพราะไอ้เหวินมองไปเห็นชอป Abercrombie & Fitch
ในที่สุดความฝันมันก็เป็นจริงสักที ได้เดินชอปอเบอร์ ขอบอกว่าชอปสุดยอดมากๆ ไม่ใช่เสื้ออย่างเดียวนะ แต่หมายถึง พนักงาน
เพราะหน้าตาพนักงานแต่ละคน สวยหล่อระดับนายแบบนางแบบทั้งนั้น (ทุกคนที่ไปชอปนี้มาล้วนการันตีถึงความสวยหล่อ จนถึงมีคำกล่าวว่า เข้าชอปไปดูพนักงานก็คุ้มแล้ว)
ตั้งแต่หน้าร้านเลย มีนางแบบใส่เสื้อกล้ามสีขาวบางๆ ยืนกันเป็นตับ กะพี่ล่ำนายแบบถอดเสื้อโชว์กล้ามให้สาวๆแอบกรี๊ดเงียบเล็กๆ (ไอ้เหวินมันไปอีกวัน บอกว่านายแบบอีกวันที่ไปหล่อกว่าอีก.... น่านนน ดูมัน)
ส่วนบรรยากาศข้างในก็ใช้ได้เลยว่ะ เปิดเพลงอย่างกะคลับแด๊นซ์ดีๆ ร้านก็สลัวๆได้ใจ เหล่าพนักงานระดับ model ทั้งหลายนอกจากจะยิ้มต้อนรับลูกค้า ว่างๆก็เต้นกันเอง เอากันเข้าไป (ทำงานร้านนี้น่าสนุกสาดดดดด งานก็ดูง่ายดีนะ ยืนหน้าร้านเฉยๆ)
เนื่องจากไม่มีใครกล้าด้านพอไปถ่ายรูป เลยไปหาๆใน flickr เนี่ยแหละ อารมณ์หน้าร้านมันก็ประมาณเนี้ยะ
...อืมมมม อ่านะ (แต่ขอบอกว่าข้างในร้านที่เข้าไปวันนั้นน่ารักกว่านี้อีกเยอะ @>_<@) ทำไมเมืองไทยไม่มีร้านอย่างงี้บ้างวะ
ต่อจากนั้นก็เดินลงถนนไปเรื่อยๆ ผ่านไปเข้าห้องน้ำที่ Trump Tower (ฮ่าๆ) ผ่านชอปหรูๆมากมายที่จะมีพี่รปภตัวควายๆ ใส่เฮ้ดโฟนที่เห็นตามหนังฮอลีวู้ด ไอ้ที่เป็นสายขดๆเหมือนสายโทรศัพท์ไปเกี่ยวที่หูไรเงี้ยะ
เดินไปเรื่อยๆ ไป St. Patrick Church, ผ่าน rockefeller แวะไปกินแมคแถวนั้น ปรากฏว่าไปเจอพวกที่ทำงานในดันกิ้น, แมคที่ Ocean City เหมือนกันซะงั้น โลกกลมสัดๆ แยกกันเที่ยวไมไ่ด้คุยไรเลยนะแต่ก็ไปเจอซะงั้น ดีจิง แล้วก็เดินต่อๆๆๆ ไปดู grand central station หรือสถานีรถไฟแบบหัวลำโพงบ้านเรานั่นแหละ ที่นี่ใหญ่อลังการใช้ได้ หลังคาเป็นรูปดาวต่างๆ
แล้วก็ออกมาถ่ายรูปกะตึก crysler เดินผ่าน NY public library ที่เป็นฉากใน the day after tomorrow นั่นแหละ แล้วก็ไปเจอพวกไอ้แดนที่ตามมาทีหลังที่ Times Square แสงสีเยอะสุดๆ มองไปที่ไหนก็มีแต่ป้ายไฟ คนเยอะมากๆ สุดๆอะ เจ๋งดี
แวะซื้อของที่ระลึก แวะ hershey shop ก่อนจะจบมื้อเย็นที่... แมค อีกแล้วว แต่แมคสาขาบรอดเวย์อันนี้เจ๋งสัดๆ ติดไฟอย่างกับโรงละคร ข้างในมีจอพลาสม่าเป็นสิบๆ (เมนูแทนที่จะเปนป้ายไฟก็เป็นจอพลาสม่าหมด)
กินเสร็จก็เคลื่อนพลฝ่ารถใต้ดินสุดเหม็นอับไปที่ Empire State Tower ปรากฏว่าต่อแถวอันยาวเยียดเป็นชั่วโมง ฝนก็ดันตกซะงั้น โชคดีที่มันเก็บบัตรได้ก็เลยจะไปดูวันหลังแทน ตกค่ำก็ไปจบมื้อดึกอีกที่... แมคเจ้าเดิม (สิ้นคิดจิงๆ) ก่อนจะกลับไปที่โฮสเทลสุดเน่า
วันต่อมาก็ได้ฤกษ์ ย้ายโรงแรมครับ เคลียร์บัญชีกะโฮสเทลเสร็จ ก็ย้ายไปทีโรงแรมใหม่ที่แยกกันจองไว้สองที่ ของเราไปอยู่ที่ herald sq. hotel กะกาย ยุ้ย เหวิน พู่ เหมี่ยว อะฮ่าาา รวมหกคน แต่พักห้องสี่คนนั่นเอง ปรากฏว่าใช้บัตร isic ลดได้อีก หารไปหารมาจ่ายมากกว่าตอนอยู่โฮสเทลคืนละไม่ถึงห้าเหรียญ คุ้มสัดๆ
ทางเข้าโรงแรมที่หรูมักๆ
อ่า เขียนแค่นี้ก่อนละกันเดี๋ยวจะขี้เกียจอ่าน แล้วคราวหน้ามาต่อกับบล็อกภาคสามครับ
Post a Comment