มาส่งการบ้านครับผม คราวที่แล้วพลาดไป จ่อหัวเอนทรี่ว่ามี Symphony of Light แต่เอาเข้าจริงเขียนไม่ถึงซะงั้น คราวนี้ขอแก้ตัวๆ
อย่าลืมว่ามีแผนที่ให้ดูนะสำหรับทุักสถานที่ที่กล่าวในบล็อกซีรียส์นี้ ที่ Google Maps
อย่าลืมว่ามีแผนที่ให้ดูนะสำหรับทุักสถานที่ที่กล่าวในบล็อกซีรียส์นี้ ที่ Google Maps
---- 22 Macau Restaurant ----
มื้อเย็นวันนี้เรามาฝากชีวิตไว้ที่ Macau Restaurant ตรงถนน Lock Road (ขนานกับ Nathan Road) ย่าน TST แปลกดีเหมือนกัน ตอนไปมาเก๊าก็กินอาหารฮ่องกง พอมาฮ่องกงดันกินอาหารมาเก๊า :S
เช่นเคย เข้าไปก็ต้องใช้สายตาสอดส่องว่าชาวบ้านเขาสั่งไรกัน (มีเมนูอังกฤษ) คราวนี้ขอลอง นกพิราบทอด ดูสักครั้งว่าเป็นไง ก็.. คล้ายๆไก่ทอดอะ แต่ว่าตัวมันเล็ก กระดูกเลยเยอะกว่า สรุปว่าเฉยๆ แต่ที่อร่อยโคตรๆคืออาหารจำพวกแกงกะหรี่ กับสตูว์ที่นี่ อร่อยมากกกกกๆๆๆๆๆ นอกจากนี้เมนูฮอตฮิตอีกอย่างก็คือ ปลาหมึกชุบแป้งทอด ตอนแรกมองโต๊ะอื่นนึกว่าเป็นปูนิ่มซะอีก ที่ไหนได้ ปลาหมึกแท้ๆนี่เอง เสิร์ฟพร้อมกับมาโยกลิ่นวาซาบิ อร่อยดี เราปิดท้ายมื้อนี้ด้วยทาร์ตไข่ ซึ่งที่นี่ใช้แป้งสไตล์แป้งพัฟแบบที่ชอบเลย ^^
มื้อเย็นวันนี้เรามาฝากชีวิตไว้ที่ Macau Restaurant ตรงถนน Lock Road (ขนานกับ Nathan Road) ย่าน TST แปลกดีเหมือนกัน ตอนไปมาเก๊าก็กินอาหารฮ่องกง พอมาฮ่องกงดันกินอาหารมาเก๊า :S
เช่นเคย เข้าไปก็ต้องใช้สายตาสอดส่องว่าชาวบ้านเขาสั่งไรกัน (มีเมนูอังกฤษ) คราวนี้ขอลอง นกพิราบทอด ดูสักครั้งว่าเป็นไง ก็.. คล้ายๆไก่ทอดอะ แต่ว่าตัวมันเล็ก กระดูกเลยเยอะกว่า สรุปว่าเฉยๆ แต่ที่อร่อยโคตรๆคืออาหารจำพวกแกงกะหรี่ กับสตูว์ที่นี่ อร่อยมากกกกกๆๆๆๆๆ นอกจากนี้เมนูฮอตฮิตอีกอย่างก็คือ ปลาหมึกชุบแป้งทอด ตอนแรกมองโต๊ะอื่นนึกว่าเป็นปูนิ่มซะอีก ที่ไหนได้ ปลาหมึกแท้ๆนี่เอง เสิร์ฟพร้อมกับมาโยกลิ่นวาซาบิ อร่อยดี เราปิดท้ายมื้อนี้ด้วยทาร์ตไข่ ซึ่งที่นี่ใช้แป้งสไตล์แป้งพัฟแบบที่ชอบเลย ^^
---- 23 Symphony of Light @ Avenue of Stars ----
พอทุ่มครึ่งเราก็รีบออกมาจากร้านเพื่อเดินไป Avenue of Stars เนื่องจากโชว์ Symphony of Light มีตอนสองทุ่ม ก็ลงอุโมงค์เชื่อมตึกโน้นออกตึกนี้ไปมาสักพักก็มาถึงจนได้
สำหรับโชว์นี้ขอบอกว่าห้ามพลาดเ็ด็ดขาด สำหรับใครที่เพิ่งจะมาฮ่องกงคราวแรก ลำพังแสงสีจากตึกฝั่งฮ่องกงก็สวยอยู่แล้ว นี่ยังมีการยิงแสง ยิงเลเซอร์ประกอบเพลงเข้าไปอีก ซึ่งจริงๆแล้วน่าทึ่งมากๆหากจะคิดว่าต้องมีการควบคุมโชว์อย่างไร ถึงมีการเล่นแสงสีเสียงพร้อมกันเป็นบริเวณข้ามเมืองอย่างนี้ ถ้าใครเคยไปสนามกีฬาใหญ่ๆคงรู้ว่าลำพังแค่เสียงใน Stadium ให้มันพร้อมทั้งสนามยังไม่ใช้เรื่องง่ายเลย แต่นี่ ทั้งๆที่อยู่กันไกลเป็นกิโล แต่การแสดงแสงไฟของตึกทั้งตึก หลายๆตึกของฝั่งฮ่องกง ยังแสดงไปพร้อมๆกับเสียงเพลง และแสงสีของตึกฝั่งเกาลูน
---- 24 Langham Place ----
หลังจากดู SOL เสร็จแล้ว ท่านผู้ปกครองก็ขอตัวกลับไปพักที่โรงแรม ปล่อยผีเด็กโข่งสองตนไปย่ำราตรีกันต่อ 55 วันนี้ก็ยังคงไปมงก๊กเหมือนเดิม ก่อนไปก็แวะเข้าห้องน้ำที่ Langham Place เช่นเคย ก่อนจะขึ้นไปดูข้างบนของตึกนี้ เพราะโอมเคยบอกว่าตึกบ้าอะไรไม่รู้ บันไดเลื่อนยาวโคตร
แล้วมันก็จริงๆด้วย!!! ตึกบ้าอะไรเนี่ย บันไดเลื่อนชูททีเดียว 6 ชั้น เกิดมาไม่เคยเกาะราวบันไดเลื่อนแน่นขนาดนี้มาก่อน (หึหึ)นี่ไม่อยากคิดว่าถ้ามีคนล้มแล้วกลิ้งลงไปเป็นโดมิโนจะสยองยังไง แล้วไม่ใช่มีแค่หกชั้นนะ ห้างนี้มีสูงขึ้นไปถึง 16 ชั้นเลยทีเดียว ซึ่งที่ชั้น 16 เนี่ย ไม่รู้คนออกแบบซาดิสต์รึเปล่า เพราะบันไดที่ลงไปชั้น 15 เนี่ย อะแฮ่ม ราวเป็นกระจกครับพ้ม! มองลงไปก็แค่สิบกว่าชั้นเอ๊งงงง -*-
หลังจากเช็คจังหวะหัวใจ ที่สูบฉีดอย่างรุนแรงเพียงเพราะขึ้นบันไดเลื่อนมาแล้ว ก็ได้เวลาลง... แน่นอนว่าขอเลือกลิฟต์ 5555
แล้วมันก็จริงๆด้วย!!! ตึกบ้าอะไรเนี่ย บันไดเลื่อนชูททีเดียว 6 ชั้น เกิดมาไม่เคยเกาะราวบันไดเลื่อนแน่นขนาดนี้มาก่อน (หึหึ)นี่ไม่อยากคิดว่าถ้ามีคนล้มแล้วกลิ้งลงไปเป็นโดมิโนจะสยองยังไง แล้วไม่ใช่มีแค่หกชั้นนะ ห้างนี้มีสูงขึ้นไปถึง 16 ชั้นเลยทีเดียว ซึ่งที่ชั้น 16 เนี่ย ไม่รู้คนออกแบบซาดิสต์รึเปล่า เพราะบันไดที่ลงไปชั้น 15 เนี่ย อะแฮ่ม ราวเป็นกระจกครับพ้ม! มองลงไปก็แค่สิบกว่าชั้นเอ๊งงงง -*-
หลังจากเช็คจังหวะหัวใจ ที่สูบฉีดอย่างรุนแรงเพียงเพราะขึ้นบันไดเลื่อนมาแล้ว ก็ได้เวลาลง... แน่นอนว่าขอเลือกลิฟต์ 5555
---- 25 Lin Heung Tea House ----
เช้าวันรุ่งขึ้น เรามุึ่งหน้าไปย่าน Sheung Wan เหมือนเดิม คราวนี้เล็งไปกินติ่มซำที่แนะนำในหนังสือ Guidebook เจ้าเดิมอีกแล้ว ซึ่งโอมก็บอกว่าให้ลองไปกินดู เพราะตอนโอมไปมามันเป็นช่วงบ่ายซึ่งเขาไม่ขายติ่มซำกันแล้ว เอาก็เอาวะ เชื่อไกด์บุ๊คก็ได้
ร้านนี้ชื่อว่า Lin Heung Tea House ซึ่งเป็นร้านติ่มซำสำหรับคนท้องถิ่นจริงๆ เข้าไปนี่ก็ช็อคเล็กๆกับความวุ่นวายในร้าน (ซึ่งมีขนาดใหญ่พอควรเลยทีเดียว) ภายในร้านมีโต๊ะกลมมากมาย และมีพนักงานเข็นรถขายติ่มซำเต็มไปหมด
ร้านนี้ถ้าไปกันเยอะรับรองว่าลำบาก เพราะต้องดิ้นรนหาที่นั่งกันเอง! ความรู้สึกตอนเข้าไปในร้านอย่างกะต้องเล่นเก้าอี้ดนตรี 0__0 หลังจากวนไปวนมาสักพักก็เห็นคนลุกจนได้ แทบจะวิ่งเข้าไปเสียบที่นั่งแทน 55
ไม่นานนักพนักงานก็เอาชาม แล้วก็อาวุธมาให้ ซึ่งที่นี่เขาจะเอาชาล้างพวกช้อนกับตะเกียบเอา (อาศัยมองคนข้างๆในโต๊ะเค้า) ไอ้เราก็ล้างไม่ค่อยโปรหรอกแต่ก็หยวนๆน่ะ... ส่วนชาที่เอาไว้กินจริงๆมันจะเป็นชาก้อน ซึ่งก็ต้องมีวิธีการชงเหมือนกัน จำไม่ค่อยได้แล้วว่าทำยังไง ถ้าใครไปก็อาศัยดูคนอื่นละกัน 55 อย่างไรก็ตามชาที่ขายในร้านนี้ก็เป็นชาธรรมดาไม่ใช่ของดีอะไร เพราะชาดีจริงๆของที่นี่ก็คงเหมือนไวน์ ยิ่งเก็บนาน (ราขึ้น!?) ยิ่งแพง บางก้อนนี่ขายกันเป็นแสนๆบาทเลยทีเดียว!
สำหรับการสั่งติ่มซำ ก็อาศัยดูจากรถเข็นที่จะมีคนทยอยเข็นมาตลอด เคล็ดลับก็คือว่า ไม่ต้องรีบสั่งเลยทีเดียว เพราะติ่มซำที่นี้มีร้อยแปดชนิด ให้เลือกเฉพาะที่อยากจะกินเท่านั้นจริงๆ อันไหนยังดูไม่น่าเวิร์คก็ไม่ต้องเอา ไว้รอคันต่อไปได้
ถามว่าติ่มซำรสชาติเป็นยังไง ก็ขอบอกว่า เป็นติ่มซำสไตล์ชาวบ้านจริงๆ วัตถุดิบก็ไม่ได้ดีอะไรนักหนา ขนมจีบก็ไม่ใช่ขนมจีบกุ้งแบบไฮโซ ก็จะเป็นกุ้งผสมหมู แต่ถามว่าอร่อยไหม ก็อร่อยตามสภาพวัตถุดิบเช่นนั้นน่ะ เช่น ก๋วยเตี๋ยวหลอด ซึ่งเครื่องงั้นๆ แต่รสชาติ และความนุ่มเหนียวของแป้งนั้นใช้ได้เลยทีเดียว แต่ที่ไม่ไหวก็คือซาลาเปา ที่ลูกนี่ขนาดใหญ่โคตรๆ ฐานนี่ขนาดใหญ่กว่าแผ่น DVD ซะอีกมั้ง
ตอนจะออกจากร้านแอบฮาส่งท้าย แคชเชียร์ก็พยายามคุยกับเรา แล้วก็ถามว่า 'อร่อยมั้ย?' เป็นภาษาจีนแต้จิ๋ว ไอ้เราก็ฟังไม่รู้เรื่อง เลย ส่ายหน้า เข้าให้ เท่านั้นแหละ คุณแคชเชียร์แกหน้าเหวอไปทันตา เราเลยรีบขอโทดขอโพยแก้ตัว โอ๊ะ ไม่ใช่ อร่อยมากกกกกก ๆๆๆ -_- (แต่จริงๆแล้ว มันก็งั้นๆแหละ ชิ)
เช้าวันรุ่งขึ้น เรามุึ่งหน้าไปย่าน Sheung Wan เหมือนเดิม คราวนี้เล็งไปกินติ่มซำที่แนะนำในหนังสือ Guidebook เจ้าเดิมอีกแล้ว ซึ่งโอมก็บอกว่าให้ลองไปกินดู เพราะตอนโอมไปมามันเป็นช่วงบ่ายซึ่งเขาไม่ขายติ่มซำกันแล้ว เอาก็เอาวะ เชื่อไกด์บุ๊คก็ได้
ร้านนี้ชื่อว่า Lin Heung Tea House ซึ่งเป็นร้านติ่มซำสำหรับคนท้องถิ่นจริงๆ เข้าไปนี่ก็ช็อคเล็กๆกับความวุ่นวายในร้าน (ซึ่งมีขนาดใหญ่พอควรเลยทีเดียว) ภายในร้านมีโต๊ะกลมมากมาย และมีพนักงานเข็นรถขายติ่มซำเต็มไปหมด
ร้านนี้ถ้าไปกันเยอะรับรองว่าลำบาก เพราะต้องดิ้นรนหาที่นั่งกันเอง! ความรู้สึกตอนเข้าไปในร้านอย่างกะต้องเล่นเก้าอี้ดนตรี 0__0 หลังจากวนไปวนมาสักพักก็เห็นคนลุกจนได้ แทบจะวิ่งเข้าไปเสียบที่นั่งแทน 55
ไม่นานนักพนักงานก็เอาชาม แล้วก็อาวุธมาให้ ซึ่งที่นี่เขาจะเอาชาล้างพวกช้อนกับตะเกียบเอา (อาศัยมองคนข้างๆในโต๊ะเค้า) ไอ้เราก็ล้างไม่ค่อยโปรหรอกแต่ก็หยวนๆน่ะ... ส่วนชาที่เอาไว้กินจริงๆมันจะเป็นชาก้อน ซึ่งก็ต้องมีวิธีการชงเหมือนกัน จำไม่ค่อยได้แล้วว่าทำยังไง ถ้าใครไปก็อาศัยดูคนอื่นละกัน 55 อย่างไรก็ตามชาที่ขายในร้านนี้ก็เป็นชาธรรมดาไม่ใช่ของดีอะไร เพราะชาดีจริงๆของที่นี่ก็คงเหมือนไวน์ ยิ่งเก็บนาน (ราขึ้น!?) ยิ่งแพง บางก้อนนี่ขายกันเป็นแสนๆบาทเลยทีเดียว!
สำหรับการสั่งติ่มซำ ก็อาศัยดูจากรถเข็นที่จะมีคนทยอยเข็นมาตลอด เคล็ดลับก็คือว่า ไม่ต้องรีบสั่งเลยทีเดียว เพราะติ่มซำที่นี้มีร้อยแปดชนิด ให้เลือกเฉพาะที่อยากจะกินเท่านั้นจริงๆ อันไหนยังดูไม่น่าเวิร์คก็ไม่ต้องเอา ไว้รอคันต่อไปได้
ถามว่าติ่มซำรสชาติเป็นยังไง ก็ขอบอกว่า เป็นติ่มซำสไตล์ชาวบ้านจริงๆ วัตถุดิบก็ไม่ได้ดีอะไรนักหนา ขนมจีบก็ไม่ใช่ขนมจีบกุ้งแบบไฮโซ ก็จะเป็นกุ้งผสมหมู แต่ถามว่าอร่อยไหม ก็อร่อยตามสภาพวัตถุดิบเช่นนั้นน่ะ เช่น ก๋วยเตี๋ยวหลอด ซึ่งเครื่องงั้นๆ แต่รสชาติ และความนุ่มเหนียวของแป้งนั้นใช้ได้เลยทีเดียว แต่ที่ไม่ไหวก็คือซาลาเปา ที่ลูกนี่ขนาดใหญ่โคตรๆ ฐานนี่ขนาดใหญ่กว่าแผ่น DVD ซะอีกมั้ง
ตอนจะออกจากร้านแอบฮาส่งท้าย แคชเชียร์ก็พยายามคุยกับเรา แล้วก็ถามว่า 'อร่อยมั้ย?' เป็นภาษาจีนแต้จิ๋ว ไอ้เราก็ฟังไม่รู้เรื่อง เลย ส่ายหน้า เข้าให้ เท่านั้นแหละ คุณแคชเชียร์แกหน้าเหวอไปทันตา เราเลยรีบขอโทดขอโพยแก้ตัว โอ๊ะ ไม่ใช่ อร่อยมากกกกกก ๆๆๆ -_- (แต่จริงๆแล้ว มันก็งั้นๆแหละ ชิ)
---- 26 Fruit Stall & Egg Tart ----
หลังจากเอาตัวรอดจากเกือกของเจ๊แคชเชียร์แล้ว (พูดเล่น) เราก็เดินทางมุ่งหน้าสู่ร้านทาร์ตไข่ Tai Cheong Bakery ที่เห็นโปรโหมตนักหนาว่าอร่อยทีสุดในฮ่องกง ปรากฏว่าระหว่างทางที่เราเดินไป ผ่านถนน Graham และ Gage St. นั้น ก็เป็นตลาดขายผักและผลไม้ ซึ่งตรงหัวมุมที่ถนน Gage St ตัดกับ Lyndhurst Terrace นั้น มีร้านผลไม้เจ้าหนึ่ง ขายบลูเบอรี่เป็นกล่องๆราคาไม่แพงเลย (ถูกกว่าร้านที่ขายตรงข้ามโรงแรม L'Hotel อยู่พอควร) เลยซื้อมาลองชิมสักกล่องสองกล่อง นอกจากนั้นยังเหลือบไปเห็นสตรอเบอรี่เกรดไฮโซที่น่ากินสุดๆ ลูกฉ่ำๆ แดงๆ เป้งๆ ใหญ่เกือบเท่าบัตรเครดิต! แต่ที่ดูประหลาดที่สุึดก็คือ Kiwi Berry ซึ่งเป็นกีวีขนาดเท่าเม็ดองุ่น!?
(Image from Nancyland's Blog)
ของแปลกอย่างนี้ต้องลอง แล้วก็ไม่ผิดหวังจริงๆด้วย รสก็เหมือนกีวี (ซึ่งหวานซะด้วย) แต่ว่าเป็นเม็ดเล็กๆ ไม่ต้องปอก หยิบเข้าปากได้ทันที ซึ่งในวันต่อมา (วันกลับ) เราก็กลับมาแวะ่ร้านนี้อีกแล้วกวาด Blueberry, Strawberry, Kiwi Berry กลับเมืองไทยเอาไปแจกเป็นพันๆ
ส่วน Egg Tart ชิมแล้ว ... ไม่เห็นจะอร่อยที่สุึดเล้ย อาจจะเป็นเพราะตัวแป้งเป็นแป้งทาร์ต ไม่ใช่แป้งพาย สรุปว่าตามความเห็นส่วนตัว ทาร์ตที่มาเก๊า (และที่ร้าน Macau Restaurant อร่อยกว่านะ)
(Image from Nancyland's Blog)
ของแปลกอย่างนี้ต้องลอง แล้วก็ไม่ผิดหวังจริงๆด้วย รสก็เหมือนกีวี (ซึ่งหวานซะด้วย) แต่ว่าเป็นเม็ดเล็กๆ ไม่ต้องปอก หยิบเข้าปากได้ทันที ซึ่งในวันต่อมา (วันกลับ) เราก็กลับมาแวะ่ร้านนี้อีกแล้วกวาด Blueberry, Strawberry, Kiwi Berry กลับเมืองไทยเอาไปแจกเป็นพันๆ
ส่วน Egg Tart ชิมแล้ว ... ไม่เห็นจะอร่อยที่สุึดเล้ย อาจจะเป็นเพราะตัวแป้งเป็นแป้งทาร์ต ไม่ใช่แป้งพาย สรุปว่าตามความเห็นส่วนตัว ทาร์ตที่มาเก๊า (และที่ร้าน Macau Restaurant อร่อยกว่านะ)
---------------
คราวหน้าจะมาต่อ Repulse Bay และืมื้อกลางวันสุดอร่อยติดดาว ล้างแค้นร้าน Lin Heung ที่ติ่มซำยังไม่อร่อยสะใจโจ๋สักเท่าไหร่
View Larger Map
View Larger Map
Post a Comment