หลังจากที่ได้ตื่นตาตื่นใจ หลงไปอยู่ในแดนมหัศจรรย์ นครวัด นครธม เมื่อวันก่อน วันนี้ก็ต้องตื่นมาพบความจริงอีกครั้ง เมื่อต้องเดินทางกลับพนมเปญ โดยตอนเช้าไปเที่ยวโตนทะเลสาบก่อน
ยังไงก็รู้สึกน่าเบื่อสุดๆ โดยเฉพาะกับการเดินทาง ที่แม้ระยะทางจะสั้นๆไม่กี่โล ก็ต้องเสียเวลานานเป็นชั่วโมงๆ.
ขากลับเข้าพนมเปญ ถ้าสังเกตดูดีๆ จะเห็นว่า มีร่องรอยของความเจริญเมื่อครั้งฝรั่งเศสเข้ายึดครองอยู่เยอะ ไม่ว่าจะเป็นสนามบอลขนาดใหญ่ที่สร้างมาก่อนสนามศุภฯ หรือโรงเรียนที่กระจัดกระจายเต็มเมืองไปหมด (แน่นอนว่าสร้างช่วงฝรั่งเศสครอง) ล้วนเป็นร่องรอยที่บ่งบอกถึงความเจริญว่า พนมเปญสมัยนั้น น่าจะเจริญกว่ากรุงเทพด้วยซ้ำไป
แต่ทุกสิ่งทุกอย่าง ได้พังทลายไปสิ้น เมื่อเขมรแดงเข้ายึดครองประเทศ...
แทบไม่น่าเชื่อว่าโรงเรียนธรรมดาๆโรงเรียนหนึ่ง จะถูกน้ำมือของมนุษย์กระทำได้ถึงขนาดนี้...
เครื่องเล่นออกกำลังกายขนาดใหญ่ ถูกรื้อออกเหมือนเหลือโครงสร้างเหมือนโครงโหนบาร์ ดัดแปลงเป็นเครื่องทรมานนักโทษผูกข้อเท้า ดึงร่างขึ้นไปสูง แล้วปล่อยลงมาให้หัวจมถังน้ำเน่า... ห้องเรียนถูกซอยย่อยเป็นคุกเล็กๆที่แทบจะไม่มีที่จะนั่ง... ภาพเชลยที่ถูกถ่ายไว้ก่อนเข้าคุกที่นี่ ทำให้รู้สึกหดหู่เป็นอย่างที่สุด
เห็นแล้วก็สะท้อนให้นึกถึงประเทศไทย อยากให้ทุกคนได้มาเห็นสภาพ'จริง' ของประเทศแห่งนี้ แล้วจะได้กลับไปคิด เลิกทะเลาะกัน แล้วหันมาพัฒนาประเทศกันดีกว่า
ที่กัมพูชา ทรัพย์สิน ที่ดินของรัฐ ตอนนี้ได้ถูกปล่อยให้ต่างชาติเข้ามาเช่ากันแทบหมดประเทศ สนามบินก็ให้ต่างชาติบริหาร ข้าวปลาอาหารก็นำเข้าเกือบทั้งหมด อุตสาหกรรมในประเทศนี้แทบจะไม่มี จะมีก็เป็นพวกการ์เม้นท์ หรือ SME เล็กๆ (ซึ่งแทบไม่สงสัยเลย เพราะแค่สภาพถนน กับไฟฟ้าที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ ก็เป็นอุปสรรคที่ขวางทางการสร้างโรงงานอย่างเต็มประตูแล้ว) และแน่นอนว่าเมื่อครั้งเหตุการณ์เผาธุรกิจคนไทย การชดเชยของรัฐบาล ส่วนหนึ่งก็คือการให้สิทธิ์ลดภาษี หรือให้เป็นรูปที่ดินให้เช่า เพราะไม่มีเงินจะหมุนให้...
อยากให้ทุกคนที่ได้อ่าน ได้กลับไปคิดสักนิด แล้วหันมามองตัวเราใหม่ และภาวนาให้ประเทศไทยหลุดพ้นวงจรการเมืองอุบาทว์นี่เสียทีเถอะ
(บล็อกนี้เครียดจัง บล็อกหน้าจะปล่อยฮาๆและ ^^)
Post a Comment