ก่อนเข้าเรื่องไปเที่ยวนิวยอร์ก ขอพูดถึงเรื่องเมื่อวานก่อน กับการรับน้อง 90 ซึ่งปีนี้หน้าที่จูเนียร์คือการคุมอัดบันไดนั่นเอง กูก็อาสาเข้าไปรับหน้าที่เป็น 'Spoker' ไป มันก็คือคนที่สั่งแหกปากโวยวายทำนองว่า 'ก้มหน้าลงไป' ' อัดเข้าไป' อะไรประมาณนั้นแหละ แต่ปีนี้เค้าให้ซอฟท์ๆ ไม่ตะคอก ไม่พูดคำหยาบ (กู มึง ก็ไมไ่ด้) ไม่เซอร์ราวด์ (ไม่แหกปากพร้อมกันหลายๆคน)
ไอ้เช้าวันจริงกูก็หวั่นๆและ ว่าจะรอดไม๊เนี่ยวันนี้ เพราะเสียงมันหายอะ คือเจ็บคอมาได้ระยะหนึ่งแล้วไง (แล้วก็ยังเสือกมารับหน้าที่นี้) ก่อนลุยก็เลยไปซื้อ Fisherman Friends มา ของเค้าดีจิงๆว่ะ แม่งตอนแหกปากไปกูก็อมลูกอมไป ช่วยได้เยอะ ไม่มีนี่คงตายไปแล้ว
ก่อนจะถึงคิวกูก็เป็นคิวอัดบันไดของพวกผู้หญิง แค่ได้ยินเสียงแผดออกมาจากบันไดก็ขนลุกสยองแล้ว แมร่งงง โหดสัดๆๆๆๆๆๆ (ผู้หญิงเวอร์ชั่นโหดๆมันน่ากลัวอย่างงี้นี่เอง) แต่เอาเข้าจริงพอถึงคิวตัวเองปรากฏว่าเหนื่อยน้อยกว่าที่คิด อาจจะเป็นเพราะว่าคุมอยู่ชั้นแรกเลย (คนที่สอง) น้องก็เลยไม่ได้โทรมดิ้นรนขัดขืนสักเท่าไหร่ แล้วก็วันนี้ึ้ขึ้นบันไดกันอย่างเร็วด้วยอะ แป๊บเดียวก็เสร็จ ก็เลย รอดไป
ยังไงก็ขอโทษน้องๆมาด้วยที่นี่ละกัน (ถึงจะไม่ได้มาอ่านก็เหอะ) หากกูทำอะไรที่โหดร้ายทารุณ หรืองี่เง่าไป ขออโหสิด้วยนะคร้าบบบ
อะ กลับมาเรื่อง NYC ละกัน
เราเริ่มทริปด้วยการไปนั่งรถบัสของ www.easternshuttle.com ที่ไชน่าทาวน์ dc ขอบอกว่าถูกสุดๆ round trip แค่ 35$ เองอะ ถูกกว่าเกรย์ฮาวนด์ตั้งเยอะ แถมรถก็ดี นั่งสบาย ผ่านไปสักสี่ชม ก็ถึง NY แล้วการผจญภัยสุดโหดก็เริ่มขึ้น
ด่านแรกคือรถใต้ดินที่กลายเป็นอะไรที่กูเกลียดสุดๆสำหรับเมืองนี้ไปแล้ว เพราะแม่งทั้งเถื่อน เหม็น สกปรก ซกมก ฯลฯ บันไดทางเข้าก็โคตรจะเล็ก เดินสวนกันแทบจะไม่ได้ (อ้อ ไม่มีบันไดเลื่อนเลยนะเว่ย ส่วนบางสถานีที่มีลิฟต์ ก็เหม็นอับ เหม็นฉี่สุดๆจนแทบจะขาดออกซิเจนตายคาลิฟต์)
ส่วนตารางเดินรถก็เอาแน่ไม่ได้อย่างกับ ขสมก บ้านเรา พอดีว่าไอ้โรงแรมที่ไปอยู่นี่มันเสือกค่อนข้างจะไกล เลยนั่งได้ไม่กี่สาย แล้วไอ้สายที่ใกล้สุดดันมีป้ายประกาศว่าปิดซ่อมโน่นนี่ ยุ้ยมันก็ไปถามเจ้าหน้าที่ แค่นั่นอะ โดนตะคอกกลับมาซะงั้น (First impression ติดลบสิบดาว)
พอไปถึงโรงแรมก็จะฟีลดาวน์อีก คือมันก็สะอาดพอใช้นะ (สำหรับชั้นที่เราไปอยู่ แต่ของผู้หญิงไม่) แต่ไอ้ห้องนอนอะดิ ได้เป็นห้องดอร์มสิบเตียง ห้องน้ำรวม (คอกอาบน้ำสุดจะเล็ก) ที่สำคัญคือปลั๊กไฟสำหรับชาร์จแบตมันเจ๊ง แล้วกูจะอยู่ยังไงเนี่ยย
วันแรกก็ ไปเที่ยวแค่ The MET หรือพิพิธภัณฑ์ของเมืองนี้แหละ ก็โอดีอะ ส่วนตอนเย็นก็ถ่อไปไชน่าทาวน์ ปรากฏเจอพวกไอ้ไบรท์ซะงั้น ก็เลยแจมกันไปกินบะหมี่ ก็โออะ ถูกดี แต่แม่งพูดไม่รู้เรื่อง (ฟังภาษาอังกฤษมันไม่ออกอย่างแรง) คือแบบว่า สั่งอย่างได้อย่าง
ขากลับสิครับ สุดเซ็งสัดๆ คือประมาณว่าวันนี้เหนื่อยเหี้ยๆอะ แล้วขากลับ นั่งรถใต้ดิน ตอนแรกกะเปลี่ยนสายเดียวถึง ปราฏว่าไอ้สถานีเปลี่ยนสาย แทนที่จะเปลี่ยน platform ในสถานีได้ กลายเป็นต้องโผล่ขึ้นมาบนดินแล้วหารูมุดลงไปอีกครั้ง แค่นี้ยังไม่พอ ปรากฏว่า ไอ้สายที่เรารออะ เสือกไม่วิ่งซะงั้น ไม่รู้เพราะไร ไม่มีประกาศบอกรเลย ไอ้พวกเราก็นั่งรอในสถานีซกมกๆ ตั้งชั่วโมงอะ อย่างกรอย
สุดท้ายเลยต้องเปลี่ยนแผน ขึ้นอีกสาย แล้วไปต่ออีกที ก็ปรากฏว่า ไอ้สายที่จะนั่งไปลง เสือกจะวิ่ง express เลยสถานีที่เราจะลงงั้นอะ ก็เลยต้องลงก่อน แล้วเดินอีกซักสิบห้าบล็อกได้มั้ง กว่าจะถึงโรงแรม
พอไปถึงโรงแรม ก็ฉิบหายอีกอะ คนแม่งนอนกันหมดแล้ว ปิดไฟมืด ไอ้คืนนั้นก็มีแค่กูกับกาย ก็ไม่กล้าทำไรเสียงดังอะ จะรื้อกระเป๋าหาแปรงสีฟันยังไม่กล้าอะ สุดท้ายก็นอนมันทั้งอย่างงั้นเลย ขอบอกตรงๆว่าวันนี้เป็นวันที่เฮงซวยที่สุด
ตอนเช้าตื่นมาก็เลยแบบ ไม่ไหวแล้ว กูอยู่อย่างงี้ไมไ่ด้แน่ๆ ก็เลยเสียเวลาครึ่งวัน นั่งโทร กะเสิร์ชเนต (ที่ Apple Store :: รัก apple จัง) หาที่พักใหม่ ตอนนั้นแบบเครียดมากๆอะ ก็ยังดีีที่หาที่พักได้ (สำหรับคืนถัดไป) ก็ได้โรงแรมในเมือง แต่ต้องแยกกันอยู่ จองแบบ ห้องเตียงสี่คน แต่แอบยัดเข้าไปหกคน (ฮ่าๆ) ปรากฏว่า ชีวิตนี่พลิกจากฝ่าตีนเป็นหลังมือทันที เดินทางก็สะดวก เตียงก็สบาย ที่สำคัญคือมัน private ไม่ต้องแชร์ห้อง (สำคัญสุดคือห้องน้ำ) กับใคร
วันนี้แค่นี้ก่อนละกัน บล็อกนี้บ่นซะเยอะ บล็อกหน้ารับรองว่ารูปตรึมชัวร์ (เพราะเริ่มเที่ยว NY แล้ววว :D)
ด้านหน้า The Met
งาน Mosaic ใน The Met
Dinner @ Chinatown
ไอ้เช้าวันจริงกูก็หวั่นๆและ ว่าจะรอดไม๊เนี่ยวันนี้ เพราะเสียงมันหายอะ คือเจ็บคอมาได้ระยะหนึ่งแล้วไง (แล้วก็ยังเสือกมารับหน้าที่นี้) ก่อนลุยก็เลยไปซื้อ Fisherman Friends มา ของเค้าดีจิงๆว่ะ แม่งตอนแหกปากไปกูก็อมลูกอมไป ช่วยได้เยอะ ไม่มีนี่คงตายไปแล้ว
ก่อนจะถึงคิวกูก็เป็นคิวอัดบันไดของพวกผู้หญิง แค่ได้ยินเสียงแผดออกมาจากบันไดก็ขนลุกสยองแล้ว แมร่งงง โหดสัดๆๆๆๆๆๆ (ผู้หญิงเวอร์ชั่นโหดๆมันน่ากลัวอย่างงี้นี่เอง) แต่เอาเข้าจริงพอถึงคิวตัวเองปรากฏว่าเหนื่อยน้อยกว่าที่คิด อาจจะเป็นเพราะว่าคุมอยู่ชั้นแรกเลย (คนที่สอง) น้องก็เลยไม่ได้โทรมดิ้นรนขัดขืนสักเท่าไหร่ แล้วก็วันนี้ึ้ขึ้นบันไดกันอย่างเร็วด้วยอะ แป๊บเดียวก็เสร็จ ก็เลย รอดไป
ยังไงก็ขอโทษน้องๆมาด้วยที่นี่ละกัน (ถึงจะไม่ได้มาอ่านก็เหอะ) หากกูทำอะไรที่โหดร้ายทารุณ หรืองี่เง่าไป ขออโหสิด้วยนะคร้าบบบ
อะ กลับมาเรื่อง NYC ละกัน
เราเริ่มทริปด้วยการไปนั่งรถบัสของ www.easternshuttle.com ที่ไชน่าทาวน์ dc ขอบอกว่าถูกสุดๆ round trip แค่ 35$ เองอะ ถูกกว่าเกรย์ฮาวนด์ตั้งเยอะ แถมรถก็ดี นั่งสบาย ผ่านไปสักสี่ชม ก็ถึง NY แล้วการผจญภัยสุดโหดก็เริ่มขึ้น
ด่านแรกคือรถใต้ดินที่กลายเป็นอะไรที่กูเกลียดสุดๆสำหรับเมืองนี้ไปแล้ว เพราะแม่งทั้งเถื่อน เหม็น สกปรก ซกมก ฯลฯ บันไดทางเข้าก็โคตรจะเล็ก เดินสวนกันแทบจะไม่ได้ (อ้อ ไม่มีบันไดเลื่อนเลยนะเว่ย ส่วนบางสถานีที่มีลิฟต์ ก็เหม็นอับ เหม็นฉี่สุดๆจนแทบจะขาดออกซิเจนตายคาลิฟต์)
ส่วนตารางเดินรถก็เอาแน่ไม่ได้อย่างกับ ขสมก บ้านเรา พอดีว่าไอ้โรงแรมที่ไปอยู่นี่มันเสือกค่อนข้างจะไกล เลยนั่งได้ไม่กี่สาย แล้วไอ้สายที่ใกล้สุดดันมีป้ายประกาศว่าปิดซ่อมโน่นนี่ ยุ้ยมันก็ไปถามเจ้าหน้าที่ แค่นั่นอะ โดนตะคอกกลับมาซะงั้น (First impression ติดลบสิบดาว)
พอไปถึงโรงแรมก็จะฟีลดาวน์อีก คือมันก็สะอาดพอใช้นะ (สำหรับชั้นที่เราไปอยู่ แต่ของผู้หญิงไม่) แต่ไอ้ห้องนอนอะดิ ได้เป็นห้องดอร์มสิบเตียง ห้องน้ำรวม (คอกอาบน้ำสุดจะเล็ก) ที่สำคัญคือปลั๊กไฟสำหรับชาร์จแบตมันเจ๊ง แล้วกูจะอยู่ยังไงเนี่ยย
วันแรกก็ ไปเที่ยวแค่ The MET หรือพิพิธภัณฑ์ของเมืองนี้แหละ ก็โอดีอะ ส่วนตอนเย็นก็ถ่อไปไชน่าทาวน์ ปรากฏเจอพวกไอ้ไบรท์ซะงั้น ก็เลยแจมกันไปกินบะหมี่ ก็โออะ ถูกดี แต่แม่งพูดไม่รู้เรื่อง (ฟังภาษาอังกฤษมันไม่ออกอย่างแรง) คือแบบว่า สั่งอย่างได้อย่าง
ขากลับสิครับ สุดเซ็งสัดๆ คือประมาณว่าวันนี้เหนื่อยเหี้ยๆอะ แล้วขากลับ นั่งรถใต้ดิน ตอนแรกกะเปลี่ยนสายเดียวถึง ปราฏว่าไอ้สถานีเปลี่ยนสาย แทนที่จะเปลี่ยน platform ในสถานีได้ กลายเป็นต้องโผล่ขึ้นมาบนดินแล้วหารูมุดลงไปอีกครั้ง แค่นี้ยังไม่พอ ปรากฏว่า ไอ้สายที่เรารออะ เสือกไม่วิ่งซะงั้น ไม่รู้เพราะไร ไม่มีประกาศบอกรเลย ไอ้พวกเราก็นั่งรอในสถานีซกมกๆ ตั้งชั่วโมงอะ อย่างกรอย
สุดท้ายเลยต้องเปลี่ยนแผน ขึ้นอีกสาย แล้วไปต่ออีกที ก็ปรากฏว่า ไอ้สายที่จะนั่งไปลง เสือกจะวิ่ง express เลยสถานีที่เราจะลงงั้นอะ ก็เลยต้องลงก่อน แล้วเดินอีกซักสิบห้าบล็อกได้มั้ง กว่าจะถึงโรงแรม
พอไปถึงโรงแรม ก็ฉิบหายอีกอะ คนแม่งนอนกันหมดแล้ว ปิดไฟมืด ไอ้คืนนั้นก็มีแค่กูกับกาย ก็ไม่กล้าทำไรเสียงดังอะ จะรื้อกระเป๋าหาแปรงสีฟันยังไม่กล้าอะ สุดท้ายก็นอนมันทั้งอย่างงั้นเลย ขอบอกตรงๆว่าวันนี้เป็นวันที่เฮงซวยที่สุด
ตอนเช้าตื่นมาก็เลยแบบ ไม่ไหวแล้ว กูอยู่อย่างงี้ไมไ่ด้แน่ๆ ก็เลยเสียเวลาครึ่งวัน นั่งโทร กะเสิร์ชเนต (ที่ Apple Store :: รัก apple จัง) หาที่พักใหม่ ตอนนั้นแบบเครียดมากๆอะ ก็ยังดีีที่หาที่พักได้ (สำหรับคืนถัดไป) ก็ได้โรงแรมในเมือง แต่ต้องแยกกันอยู่ จองแบบ ห้องเตียงสี่คน แต่แอบยัดเข้าไปหกคน (ฮ่าๆ) ปรากฏว่า ชีวิตนี่พลิกจากฝ่าตีนเป็นหลังมือทันที เดินทางก็สะดวก เตียงก็สบาย ที่สำคัญคือมัน private ไม่ต้องแชร์ห้อง (สำคัญสุดคือห้องน้ำ) กับใคร
วันนี้แค่นี้ก่อนละกัน บล็อกนี้บ่นซะเยอะ บล็อกหน้ารับรองว่ารูปตรึมชัวร์ (เพราะเริ่มเที่ยว NY แล้ววว :D)
ด้านหน้า The Met
งาน Mosaic ใน The Met
Dinner @ Chinatown
Post a Comment