
และแล้ว วันที่รอคอยก็มาถึง :) การเดินทางเข้าสู่นครวัด นครธม
แต่จุดหมายแรกที่เราจะไป ไม่ใช่นครวัด เนื่องจากช่วงเช้า ถ้าไปนครวัด เวลาถ่ายรูปมันจะย้อนแสง เราจึงไปที่ 'นครธม' เสียก่อน
ก่อนอื่นต้องขอออกตัวว่า ใครที่หวังจะได้เกร็ดความรู้ ประวัติศาสตร์อะไรไป คงต้องไปหาอ่านจากที่อื่น เพราะว่าเนื่องจากไกด์เขมรที่พาทัวร์ พูดไทย เหน่อออออสุดๆ เลยฟังไม่ค่อยรู้เรื่องว่าเค้าพูดไรกันแน่ (เป็นกฏหมายของที่นี่ว่า คนเขมรจะต้องเป็นไกด์พาชมนครวัดเท่านั้น) ซึ่งตอนเขียนบล็อกนี้ ก็เลยต้องกลับไปค้นพลิกหนังสือมาแทรกเกร็ดความรู้ให้แทน เด๋วจะอธิบายผิดๆ เพราะรายละเอียดมันยุบยับไปหมด
อย่างไรก็ตาม ก็ยังพอมีความรู้ให้อธิบายนิดหน่อยว่า นครวัด ไม่ใช่เมือง แต่เป็นปราสาทที่เรารู้จักกันดีในรูปที่เห็นได้ทั่วไปนั่นแหละ แต่นครธม เป็นเมืองขนาดใหญ่ ภายในมีปราสาทและสิ่งก่อสร้างมากมาย (อาณาจักรนี้ยิ่งใหญ่สุดๆเลยว่ะ) ซึ่งมี 'ปราสาทบายน' สถานที่แรกที่เราจะไป เป็นศูนย์กลางของเมือง
สิ่งแรกที่เป็นก่อนที่จะเข้าเมืองพระนคร คือ โคปุระ หรือซุ้มประตูทางทิศใต้ซึ่งเป็นทางเข้าหลักของนครธม ยิ่งใหญ่สุดๆอย่างที่เห็นในรูป ด้านข้างก็เป็นกำแพงหินยาวววววววไปเลย ถนนที่เห็นนี่เป็น 'สะพาน' นะ ซึ่งรั้วสะพานก็มีรูปปั้นหิน ฝั่งนึงเป็นเทพ อีกฝั่งเป็นยักษ์ แทนตำนานการกวนเกษียรสมุทร เรื่องเดียวกับที่เห็นที่สุวรรณภูมินั่นแหละ
เป็นไงล่ะลำพังแค่ทางเข้าก็ชวนให้อึ้งแล้วล่ะ คิดเอาเองละกัน ถ้าเราจะจัดกองทัพมาตีเมืองที่เนี่ย เห็นแค่ประตูเมืองก็คงจะถอนใจกลับไปแล้วมั้ง
แล้วก็มาถึงปราสาทบายน ศูนย์กลางแห่งพระนคร... สร้างเมื่อราวพุทธศตวรรษที่ 18 จะว่าไงดีล่ะ มันเล็กกว่านครวัด ความละเอียดก็น้อยกว่าก็จริง แต่ว่า รูปแกะสลักต่างๆนี่ใหญ่ๆและมีเต็มไปหมดเลย ดูรูปจาก slide ก็คงจะพอนึกภาพออก คือ ไม่รู้ว่าจะโฟกัสอะไรดีว่ะ มีแต่หินแกะสลักเต็มพรืดไปหมดเลย หน้าแต่ละหน้าก็มีสีหน้าไม่เหมือนกันนะ บางอันก็ดูน่าเกรงขาม บางอันก็ดูอบอุ่น ลองดูภาพที่เทียบขนาดกับคนดูละกัน ใหญ่จริงๆ

ต่อจากปราสาทบายน เราก็มาที่ ปราสาทตาพรหม หรือที่ทุกคนคงจะคุ้นๆฉากใน Tomb Raider ดี เพราะที่นี่คือปราสาทส่วนที่มีต้นไม้เลื้อยพันเต็มไปหมด ให้บรรยากาศขลังโคตรๆ จากการศึกษาพบว่า ที่นี่เป็นศาสนสถานของพุทธ มีกุฏิ โบสถ์ วิหาร เป็นสถานที่ให้การศึกษา ฟังเทศน์ฟังธรรม ในหนังสือบอกว่า ที่นี่มีพระ นางระบำ ราษฎร และบุคคลที่เกี่ยวข้อง ทำงานในนี้ราวแปดหมื่นคน ซึ่งจะว่าไปแล้ว เมื่อเจ็ดร้อยปีก่อนนี่ จะเรียกปราสาทนี้ว่าเป็นเมืองขนาดย่อมๆเลยก็ได้ !!!
จากโคปุระหรือกำแพงชั้นนอก เรายังต้องเดินเข้าไปผ่านทางเดิน ที่ปูด้วยแผ่นหินไปอีกหลายร้อยเมตร จึงจะถึงตัวปราสาทนครวัดจริงๆ ซึ่งภายในปราสาท จะมีระเบียงคดอยู่ถึง 3 ชั้น ซึ่งชั้นแรก มีภาพแกะสลักนูนต่ำที่ยาวที่สุดในโลกอยู่ ซึ่งมีผู้คำนวณไว้แล้วว่า มีพื้นที่มากกว่า 1 ตารางกิโลเมตร! ซึ่งสันนิษฐานว่า จิตรกรรมฝาผนังที่ระเบียงคดวัดพระแก้ว ก็ได้แบบอย่างมาจากที่นี่นั่นเอง
ภาพแกะสลักระเบียงคดที่นี่ ส่วนมากจะเกี่ยวกับศาสนาฮินดู เช่นตำนานการกวนเกษียรสมุทร เทวาสุรสงคราม เรื่องรามเกียรติ์ไปถึงเรื่องราวการศึกสงครามด้วย
จากระเบียงคดชั้นแรก ก็เข้าไปสู่ด้านใน ซึ่งจะมีระเบียงคดชั้นกลาง ซึ่งเชื่อมจากระเบียงชั้นนอกด้วยบันได เมื่อเดินเข้าไปก็จะเป็นลานโล่งๆ ภายในมีบรรณาลัยหรือห้องสมุดอยู่
ภายในระเบียงคดชั้นกลางจะมีรูปแกะสลักของนางอัปสราเต็มไปหมด ซึ่งชั้นนี้ดูเหมือนว่านางอัปสราจะไฮโซกว่าระเบียงด้านนอกนะ เค้าบอกว่า ทีั่ชั้นนี้จะมีนางอัปสราถึงประมาณ 1600-1700 ตน

(จากรูป วิวจะเห็นระเบียงคดชั้นกลางอยู่ด้านล่าง)
ต้องยอมรับว่า อาณาจักรเขมรโบราณ สมควรที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นหมู่ปราสาทต่างๆ ที่ยังไงก็แทบจะนึกไม่ออกเลยว่า เมื่อพันกว่าปีที่แล้ว มนุษย์เราจะสร้างอะไรได้ยิ่งใหญ่ปานนี้ได้อย่างไร ความจริงยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่ชวนให้ถึง ไม่ว่าจะเป็นบารายต่างๆรอบเมือง (สระน้ำสำหรับชลประทาน) ซึ่งแต่ละบารายก็ใหญ่โตมโหฬารทั้งนั้น บารายตะวันตกซึ่งปัจจุบันก็ยังใช้ได้อยู่ มีขนาดยาวเป็นหลายกิโลเมตร ใหญ่กว่าตัวนครธมด้วยซ้ำไป ด้วยเหตุนี้ พระนครจึงไม่เคยมีปัญหาน้ำท่วมเลยสักครั้ง!!!
แต่อย่างไรก็ตาม ก็แทบไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่า อาณาจักรที่ยิ่งใหญ่เพียงนี้ จะมีการเสื่อมสลาย จนกระทั่งปัจจุบัน ซึ่งสภาพความเป็นอยู่ของประชาชนชาวกัมพูชายังทุกข์ยากอยู่มาก ในตอนต่อไป เมื่อต้องเดินทางกลับสู่พนมเปญ เราจะมาว่าให้ฟังถึงโลกปัจจุบันแห่งความเป็นจริงของที่นี่ (ยังไม่จบเหรอเนี่ยยยยย โฮ่วว)
ยังอ่านไม่จบ แต่...
ทำไมไอ้ Slide มันดูดื้อ ๆ จะคลิกเลือกรูปก็โดด ๆ
ต้องรอโหลดให้เสร็จก่อนมั้ง
1. อยากไปบ้าง
2. อยากมีรูปใน blog มึงบ้าง
แค่นี้ล่ะ