เดือนก่อนได้ทำการการสังคายนาห้องครั้งใหญ่ครับ
เชื่อว่าใครที่เคยรื้อห้องแล้วเจอของเก่าๆ คงจะมีความรู้สึกคล้ายๆกัน
คือเหมือนได้เดินทางผ่านไทม์แมชชีน ย้อนไปในวันเวลาเก่าๆ
เจอการ์ดอวยพรวันเกิดจากเพื่อนๆ สมัย ม2 ที่ซุ่มกันทั้งห้อง (แถมลนไฟมาให้ด้วย ด้วยเหตุผลว่าจะได้ดูขลัง) 555
เจอการ์ดที่เขียนไว้ตอนสมัยเด็ก เขียนอธิบายตัวเอง ว่าเป็นคนยังไง และภูมิใจในเรื่องใดบ้าง
...ไม่น่าเชื่อว่าสิ่งที่เขียนในวันนั้น บอกความเป็นตัวตนของตัวเองได้ดีกว่าที่มานั่งคิดในช่วงนี้ซะอีก!
เปิดไปเจอกล่องเพลง ที่ร่วมกันละเลงสีกับเพื่อนๆ ตอนไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ญี่ปุ่นเมื่อ 11 ปีก่อน...
ที่ภายนอกดูไม่สวยเล้ย แต่ข้างในกลับเต็มไปด้วยความทรงจำที่สวยงาม เพราะนอกจากจะมีเสียงเพลงโรงเรียนมินามิแล้ว ก็ยังจดหมายจากเพื่อนๆญี่ปุ่น (ตอนนั้นไปแค่สองสัปดาห์ นั่งในห้องเรียนจริงๆ ไม่กี่ชั่วโมงด้วยซ้ำ เพราะต้องไปทำกิจกรรมโน่นนี่) ซึ่งส่วนมากก็เขียนแค่ Hello / Thank you / Take Care / Good Bye / Nice to meet you หรือจดหมายจาก okasan (คุณแม่ -- โฮสต์) ที่เขียนมาเป็นภาษาญี่ปุ่นเต็มๆ
...ถึงแม้จะอ่านไม่ออกเลยสักนิด ... แต่ความหมายสื่อถึงกันได้จริงๆ
ว่าแล้วก็นึกถึงตอนที่ Okasan พยายามเอาใจ ไปหาคนอร์ต้มยำก้อนมาทำต้มยำให้ แล้วก็มาอวด ...ปรากฏว่า ต้มยำแก สีขาวมาเชียว เพราะเล่นใส่กะทิลงไป -_-" แถมรสก็จืดชืดสุดๆ เลยบอกไปว่า แบบนี้เค้าเรียกต้มข่าไก่แล้วล่ะ... แล้วก็ขอน้ำมะนาวมาเติมด้วย ปรากฏว่าที่นั่นมีแต่น้ำมะนาวแบบเลม่อน มาเป็นขวดรูปเลม่อนเลย น่ารักสุดๆ แต่ไม่เปรี้ยวเล้ยยย ก็เลยเทพรวดลงไปหมดขวด Okasan ถึงกับทำตาลุกวาวแบบตกใจปนสยองอย่างแรง เพราะไม่คิดว่าจะกินกันเปรี้ยวขนาดนี้ ...(ไม่อยากบอกว่าที่ใส่ลงไปน่ะยังจืดอยู่เลย)
จะว่าไป ช่วงเวลา 2-3 สัปดาห์ ที่ไปญี่ปุ่นตอนเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่เซโตดะ อูบูยาม่านั้น เป็นช่วงเวลาที่สุดแสนจะวิเศษในชีวิตจริงๆ
ด้วยช่วงเวลาที่ไป เป็นตอน ป5 กับ ม2 เลยได้ประสบการณ์อันแสนวิเศษ เพราะมิตรภาพที่เกิดขึ้นเป็นความบริสุทธ์ล้วนๆ ไม่มีการคิดมากโน่นนี่ใดๆทั้งสิ้น
...ในพิธีอำลา บทพูดที่เตรียมมาก่อนตั้งแต่อยู่เมืองไทย เคยกล่าวไว้ว่า จะไม่มีวันลืม ประสบการณ์ และมิตรภาพในครั้งนี้ ... ในวันนี้ สิ่งเหล่านั้นก็ยังเป็นอย่างนั้นจริงๆ
ถึงแม้ภาพหลายอย่างจะเลือนหาย แต่ความรู้สึกดีๆนั้นยังอยู่
ถ้าใครจะถามว่าชีวิตมีความสุขมากที่สุดตอนไหน ก็คงต้องตอบอย่างไม่ลังเลว่าเป็นคงตอนม. ต้น เพราะหลายสิ่งในชีวิตช่วงนั้นสุดยอดจริงๆ และเป็นความสุขแบบปราศจากอคติ หรือความเคลือบแคลงโดยสิ้นเชิง เพราะมีแต่ความปรารถนาดี ความรัก ความอบอุ่นรอบตัวเรา แม้ว่าเราอาจจะไม่รู้จักคนเหล่านั้นเลยก็ตาม
...ทุกอย่างบอกได้จากรอยยิ้มบนรูปภาพ
ถึงแม้ว่า ในวันนี้ ถ้าเกิดได้ไปเจอคนเหล่านั้นจริงๆ ความรู้สึกเหล่านั้นอาจจะจางหายไปตามจังหวะชีวิต แต่ช่วงเวลาพิเศษเหล่านั้น ก็ยังคงอยู่ต่อไป นี่แหละมั้ง เขาถึงเรียกกันว่าเป็นความพิเศษของความทรงจำเหล่านี้
เป็นสิ่งที่ช่วยเตือนเรา ...ว่าอย่างน้อย ...ก็ยังมีช่วงเวลาหนึ่งในชีวิต ที่เราเป็นคนสำคัญ มีคุณค่า ของใครหลายๆคน
ปล. มาถึงตอนนี้ เพิ่งจะเห็นคุณค่าของ 'วันที่' บนรูปถ่าย ซึ่งตอนนั้นปิดโหมดไปเพราะมีแล้วรูปไม่สวย
ปล2. ถ้าใครเจอฟิลม์ถ่ายรูปเก่าๆมากมาย แนะนำให้เอาไปแสกนเก็บเป็น CD ได้แล้ว บางอันเก็บไว้ไม่ดีเจอแดดเลีย สีเสียเลย -_- ร้านแถวตรงข้ามเซนทรัลลาดพร้าวคิดประมาณม้วนละ 20 บาทเอง
ปล3. เพื่อนโรงเรียนท่านใดสนใจรูปเก่าๆ ลองรีเควสท์มา เผื่อมี 55
เชื่อว่าใครที่เคยรื้อห้องแล้วเจอของเก่าๆ คงจะมีความรู้สึกคล้ายๆกัน
คือเหมือนได้เดินทางผ่านไทม์แมชชีน ย้อนไปในวันเวลาเก่าๆ
เจอการ์ดอวยพรวันเกิดจากเพื่อนๆ สมัย ม2 ที่ซุ่มกันทั้งห้อง (แถมลนไฟมาให้ด้วย ด้วยเหตุผลว่าจะได้ดูขลัง) 555
เจอการ์ดที่เขียนไว้ตอนสมัยเด็ก เขียนอธิบายตัวเอง ว่าเป็นคนยังไง และภูมิใจในเรื่องใดบ้าง
...ไม่น่าเชื่อว่าสิ่งที่เขียนในวันนั้น บอกความเป็นตัวตนของตัวเองได้ดีกว่าที่มานั่งคิดในช่วงนี้ซะอีก!
เปิดไปเจอกล่องเพลง ที่ร่วมกันละเลงสีกับเพื่อนๆ ตอนไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ญี่ปุ่นเมื่อ 11 ปีก่อน...
ที่ภายนอกดูไม่สวยเล้ย แต่ข้างในกลับเต็มไปด้วยความทรงจำที่สวยงาม เพราะนอกจากจะมีเสียงเพลงโรงเรียนมินามิแล้ว ก็ยังจดหมายจากเพื่อนๆญี่ปุ่น (ตอนนั้นไปแค่สองสัปดาห์ นั่งในห้องเรียนจริงๆ ไม่กี่ชั่วโมงด้วยซ้ำ เพราะต้องไปทำกิจกรรมโน่นนี่) ซึ่งส่วนมากก็เขียนแค่ Hello / Thank you / Take Care / Good Bye / Nice to meet you หรือจดหมายจาก okasan (คุณแม่ -- โฮสต์) ที่เขียนมาเป็นภาษาญี่ปุ่นเต็มๆ
...ถึงแม้จะอ่านไม่ออกเลยสักนิด ... แต่ความหมายสื่อถึงกันได้จริงๆ
ว่าแล้วก็นึกถึงตอนที่ Okasan พยายามเอาใจ ไปหาคนอร์ต้มยำก้อนมาทำต้มยำให้ แล้วก็มาอวด ...ปรากฏว่า ต้มยำแก สีขาวมาเชียว เพราะเล่นใส่กะทิลงไป -_-" แถมรสก็จืดชืดสุดๆ เลยบอกไปว่า แบบนี้เค้าเรียกต้มข่าไก่แล้วล่ะ... แล้วก็ขอน้ำมะนาวมาเติมด้วย ปรากฏว่าที่นั่นมีแต่น้ำมะนาวแบบเลม่อน มาเป็นขวดรูปเลม่อนเลย น่ารักสุดๆ แต่ไม่เปรี้ยวเล้ยยย ก็เลยเทพรวดลงไปหมดขวด Okasan ถึงกับทำตาลุกวาวแบบตกใจปนสยองอย่างแรง เพราะไม่คิดว่าจะกินกันเปรี้ยวขนาดนี้ ...(ไม่อยากบอกว่าที่ใส่ลงไปน่ะยังจืดอยู่เลย)
จะว่าไป ช่วงเวลา 2-3 สัปดาห์ ที่ไปญี่ปุ่นตอนเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่เซโตดะ อูบูยาม่านั้น เป็นช่วงเวลาที่สุดแสนจะวิเศษในชีวิตจริงๆ
ด้วยช่วงเวลาที่ไป เป็นตอน ป5 กับ ม2 เลยได้ประสบการณ์อันแสนวิเศษ เพราะมิตรภาพที่เกิดขึ้นเป็นความบริสุทธ์ล้วนๆ ไม่มีการคิดมากโน่นนี่ใดๆทั้งสิ้น
...ในพิธีอำลา บทพูดที่เตรียมมาก่อนตั้งแต่อยู่เมืองไทย เคยกล่าวไว้ว่า จะไม่มีวันลืม ประสบการณ์ และมิตรภาพในครั้งนี้ ... ในวันนี้ สิ่งเหล่านั้นก็ยังเป็นอย่างนั้นจริงๆ
ถึงแม้ภาพหลายอย่างจะเลือนหาย แต่ความรู้สึกดีๆนั้นยังอยู่
ถ้าใครจะถามว่าชีวิตมีความสุขมากที่สุดตอนไหน ก็คงต้องตอบอย่างไม่ลังเลว่าเป็นคงตอนม. ต้น เพราะหลายสิ่งในชีวิตช่วงนั้นสุดยอดจริงๆ และเป็นความสุขแบบปราศจากอคติ หรือความเคลือบแคลงโดยสิ้นเชิง เพราะมีแต่ความปรารถนาดี ความรัก ความอบอุ่นรอบตัวเรา แม้ว่าเราอาจจะไม่รู้จักคนเหล่านั้นเลยก็ตาม
...ทุกอย่างบอกได้จากรอยยิ้มบนรูปภาพ
ถึงแม้ว่า ในวันนี้ ถ้าเกิดได้ไปเจอคนเหล่านั้นจริงๆ ความรู้สึกเหล่านั้นอาจจะจางหายไปตามจังหวะชีวิต แต่ช่วงเวลาพิเศษเหล่านั้น ก็ยังคงอยู่ต่อไป นี่แหละมั้ง เขาถึงเรียกกันว่าเป็นความพิเศษของความทรงจำเหล่านี้
เป็นสิ่งที่ช่วยเตือนเรา ...ว่าอย่างน้อย ...ก็ยังมีช่วงเวลาหนึ่งในชีวิต ที่เราเป็นคนสำคัญ มีคุณค่า ของใครหลายๆคน
----------------------------------
ปล. มาถึงตอนนี้ เพิ่งจะเห็นคุณค่าของ 'วันที่' บนรูปถ่าย ซึ่งตอนนั้นปิดโหมดไปเพราะมีแล้วรูปไม่สวย
ปล2. ถ้าใครเจอฟิลม์ถ่ายรูปเก่าๆมากมาย แนะนำให้เอาไปแสกนเก็บเป็น CD ได้แล้ว บางอันเก็บไว้ไม่ดีเจอแดดเลีย สีเสียเลย -_- ร้านแถวตรงข้ามเซนทรัลลาดพร้าวคิดประมาณม้วนละ 20 บาทเอง
ปล3. เพื่อนโรงเรียนท่านใดสนใจรูปเก่าๆ ลองรีเควสท์มา เผื่อมี 55
หึ ๆ... อย่าเผลอปล่อยให้พอเข้าโหมดหลงอดีตเชียวนะ เดี๋ยวจะยาว...
เอานี่ก่อนละกัน...
http://web.archive.org/web/20010523145611/www.skynetone.com/297/frtext.htm
scroll ลงไปหน่อย จะเห็นลิงก์ Oha Japan ยังเหลืออยู่... น่าเสียดายที่ Internet Archive ไม่ crawl ให้ละเอียดกว่านี้ (ไม่รู้เจ้าตัวเองจะยังมีอยู่หรือเปล่า?)
แต่เราจำได้นะ ตอน ม.3 ป๊อปบ้าพลัง Flash มาก ทำ Club 29 ออกมาแต่ละเวอร์ชัน ทำเอาเน็ต 28.8 kbps สมัยนั้นอืดดด ไปตาม ๆ กัน
(Worst things in Japan ข้อแรกรู้สึกจะเป็น "Land of smoke!" ถ้าจำไม่ผิด)
โอว ป๊อป
มึงเป็นคนแก่ไปแล้วว่ะ
เฮ้ย กูคิดจะนัดพี่ฝ้ายพี่พลอยกินข้าวตั้งนานแล้วว่ะ
นัดดีป่าววะ พี่ฝ้ายอะน่าจะได้ แต่พี่พลอยนี่ไม่รู้ข่าวเลย
แล้วก็พอครับ เอาไอ้เลโก้คุณไปเสียที
โน้วววววววว
เพิ่งย้ายบ้าน ตอนค้นของเก่าๆ ก็อารมณ์นี้เหมือนกัน
ไม่ได้เข้ามาบลอกป๊อปนานมาก เข้ามาที เจออันนี้เลย คิดถึงวันเก่าๆเหมือนกันอ่ะ อ่านแล้วก็ไปหารูปเก่าๆมาดู โหหหหหห รู้สึกตัวเองแก่ไปเยอะ ไว้วันไหนว่างๆ นัดเจอกันแล้วเอารูปมาดูกันมั้ย
(รูปที่ญี่ปุ่นให้มาดูดีกว่ารูปที่เราล้างเองในเมืองไทยเยอะเลยอ่ะ สียังเหมือนเดิมเลย)