เป็นทริปที่(กู)รอคอยมานาน
ได้ผู้ร่วมชะตาอีกสามราย คือแมซ(วิวัด) จ๋วง ปิ กับปฏิบัติการทริปใสๆหัวใจสี่ดวง เย้ -_-"
ความจริงไอ้โน้ตเกือบได้มาและ แต่พี่แกดันไปเที่ยวรูทเมื่อคืนก่อนซะงั้น เลยหมดปัญญาแซะออกจากเตียง
ทริปนี้ถือเป็นทริปกระเหรี่ยงครับ ไม่มีแม้แต่รถจะไป ดังนั้นเลยเหลือวิธีสองวิธีที่จะเดินทางไปอัมพวา คือ
1. รถ บขส
2. รถตู้
สำหรับขาไป เนื่องจากยังเกร็งๆ ไม่กล้านั่งรถตู้เพราะต้องไปต่อสองแถวที่แม่กลองอีกที เลยเลือกนั่ง บขส ไปแทน
ก็นั่งแทกซี่ไปสายใต้ใหม่ ขึ้นรถสาย 996 เป็นเงิน 74 บาท นั่งรถสภาพปุเรงๆ (มีระบบเพิ่มแรงสะเทือน น่ามหัศจรรย์มาก ทำให้รู้สึกเหมือนวิ่งออฟโร้ดได้ทั้งๆที่วิ่งบนถนนลาดยางอย่างดี) นั่งไปสักชั่วโมงครึ่งก็ถึงอัมพวา ก็เดินมึนๆ หาทางไปถึงที่พักของเราจนได้
"เรือนแพอัมพวา"
เป็นโฮมสเตย์เล็กๆ มีอยู่สี่ห้องด้วยกัน ด้านหน้่าคงเป็นร้านขายยาจีนเก่าๆ ก็ตกแต่งดัดแปลงเป็นโซนนั่งเล่นได้สวยมาก ทำเลก็ดี อยู่ริมคลอง(เช่นเดียวกับโฮมสเตย์อืนๆของที่นี่) และอยู่ใกล้ตลาดมากด้วย (ถูกใจเด็กหิวง่ายอย่างพวกเราเป็นอย่างยิ่ง)
เนื่องจากมากันสี่คนก็เลยพักอยู่ห้องเดียว ห้องก็สบายๆ มีแอร์ มีฟูกให้นอน
เข้าไปวางกระเป๋าปุ๊บก็ได้เวลาออกหากินมื้อกลางวันแล้ว :P ก็เดินย้อนกลับไปที่ตลาดน้ำ ห่างใกล้ๆประมาณร้อยเมตรเองมั้ง
สำหรับตลาดน้ำยามเย็นจะจัดเฉพาะ ศุกร์ - เสาร์ - อาทิตย์ เท่านั้น บ่ายๆอย่างงี้ยังมีเรือมาจอดขายได้ไม่เท่าไหร่ แต่แค่นี้ก็เล่นเอาแย่แล้ววว (กินกันไม่หยุดไม่หย่อน)
LUNCH : non-stop eating !
เรือขายกุ้งเผา - ปลาหมึกเผา : กุ้งที่อยู่ในจาน จานละร้อยบาทเอง
เราเริ่มด้วยทอดมันหัวปลี - วุ้นเส้นผัดไทยกุ้งสด - ยำส้มโอ - กุ้งเผา
อร่อยมากกกกกก ถูกด้วยอะ ผัดไทยกุ้งก็จานละยี่สิบ กุ้งเผานี่ก็ไข่เยอะมัก :D
ต่อด้วยของหวานที่ร้านกาญจนาพาณิชข้างๆสะพาน ขายพวกกาแฟโบราณ ชาเย็น ไปจนถึงของหวานอร่อยๆอย่าง เฉาก๊วยโบราณ หนมปังน้ำแดง กล้วยน้ำแดง มะละกอน้ำแดง หนมปังโอวัลติน ฯลฯ
ร้านนี้เก๋มาก มีโซนโปสการ์ด ซื้อแล้วก็มีปากกา เมจิก แสตมป์ให้เขียนส่งกลับไปที่บ้าน เขียนเสร็จก็หย่อนใส่ตู้หน้าร้านไปได้เลย !
แล้วเราก็สั่งแดงหางกาแฟ (น้ำแดงใส่กาแฟนิดๆ ให้มีรสขมติดที่ปลายลิ้น) ชานมที่อร่อยโคตรๆ และกาแฟเย็นสุดเข้มข้น พร้อมของหวานกล้วยน้ำแดง ขนมปังน้ำแดง ที่ให้น้ำแดงและนมข้นสะใจมาก และ เฉาก๊วยโบราณที่แปลกแหวกแนว เพราะให้ถ้วยเครื่องปรุง (น้ำเชื่อม น้ำแดง น้ำเขียว น้ำตาลทรายแดง) มาให้ใส่เติมความหวานเอาเอง ... ก็นั่งกินไป เพลงก็เพราะ ชิลสุดๆ ไอ้จ๋วงถึงกับอดใจไม่ไหวต้องโทรไปกรี๊ดกับแวว
ปล. ไอ้จ๋วงอดใจไม่ไหวสั่งก๋วยเตี๋ยวหมูเรือข้างๆร้านมากินอีก (สิบบาท) อร่อยสุดๆเหนมันว่างั้น
(มาที่นี่ก็อร่อยหมดทุกอย่างแหละ)
Leisure in the afternoon!
หลังจากกินกันจนยัดอะไรลงไปอีกไม่ได้แล้ว ก็ได้เวลาชิล เดินดูของ ผ่านพิพิธภัณฑ์เล็กๆของชุมชนที่คุณลุงคนหนึ่งทำขึ้นมาด้วยใจรัก แล้วเราก็มุ่งหน้าสู่ ฐณิชาฌ์ รีสอร์ท ของพี่ออฟ ซึ่งช่วยดูแลจัดการทริปของพวกเรา ถึงแม้จะไม่ได้พักที่นี่(เพราะเต็ม) ก็ตามเหอะ
ดูของที่ร้านธารามาร์ท
เพื่อเป็นการขอบคุณพี่ ก็โปรโหมตหน่อยละกันว่าห้องพักที่นี่ดีมาก เหมาะสำหรับครอบครัวที่จะไปเที่ยว เพราะว่ามีห้องน้ำส่วนตัวทุกห้อง (ซึ่งต่างจากโฮมสเตย์อื่นซึ่งจะแชร์ห้องน้ำกันครับ) ติดต่อได้ทางเว็บที่ให้ไว้หรือโทร 034 725 511
ที่นี่มีท่าน้ำให้นั่งชิลๆได้ บรรยากาศดีมาก น้ำใสๆเย็นๆแช่เท้าแล้วโคตรสบายเลย :) นั่งๆไปก็มีคุณยายพายเรือมาขายของบ้าง ข้างๆก็มีคนกำลังวาดภาพสีน้ำอยู่ ตรงข้ามก็มีบ้านของคุณลุงคนนึงนั่งเล่นอยู่กับน้องหมาสุดน่ารัก เลยเข้าไปคุย เล่นด้วย (ถามลุงว่าหมาชื่อไร ลุงบอกไม่รู้แต่คนอื่นเรียกว่าไอ้ดิ๊กดิ๊ก แต่มันก็ดุ๊กดิ๊กสมชื่ออะ ขี้เล่นมากกกก)
วันนี้ไว้แค่นี้ก่อนนะ ไว้คราวหน้ามาต่อกับทัวร์กินแหลกตอนเย็น!
หรือถ้าจะดูรูปเพิ่มเติม ไปได้ที่
http://www.flickr.com/photos/jaroz/sets/72157594248423633/
ครับ
ได้ผู้ร่วมชะตาอีกสามราย คือแมซ(วิวัด) จ๋วง ปิ กับปฏิบัติการทริปใสๆหัวใจสี่ดวง เย้ -_-"
ความจริงไอ้โน้ตเกือบได้มาและ แต่พี่แกดันไปเที่ยวรูทเมื่อคืนก่อนซะงั้น เลยหมดปัญญาแซะออกจากเตียง
ทริปนี้ถือเป็นทริปกระเหรี่ยงครับ ไม่มีแม้แต่รถจะไป ดังนั้นเลยเหลือวิธีสองวิธีที่จะเดินทางไปอัมพวา คือ
1. รถ บขส
2. รถตู้
สำหรับขาไป เนื่องจากยังเกร็งๆ ไม่กล้านั่งรถตู้เพราะต้องไปต่อสองแถวที่แม่กลองอีกที เลยเลือกนั่ง บขส ไปแทน
ก็นั่งแทกซี่ไปสายใต้ใหม่ ขึ้นรถสาย 996 เป็นเงิน 74 บาท นั่งรถสภาพปุเรงๆ (มีระบบเพิ่มแรงสะเทือน น่ามหัศจรรย์มาก ทำให้รู้สึกเหมือนวิ่งออฟโร้ดได้ทั้งๆที่วิ่งบนถนนลาดยางอย่างดี) นั่งไปสักชั่วโมงครึ่งก็ถึงอัมพวา ก็เดินมึนๆ หาทางไปถึงที่พักของเราจนได้
"เรือนแพอัมพวา"
เป็นโฮมสเตย์เล็กๆ มีอยู่สี่ห้องด้วยกัน ด้านหน้่าคงเป็นร้านขายยาจีนเก่าๆ ก็ตกแต่งดัดแปลงเป็นโซนนั่งเล่นได้สวยมาก ทำเลก็ดี อยู่ริมคลอง(เช่นเดียวกับโฮมสเตย์อืนๆของที่นี่) และอยู่ใกล้ตลาดมากด้วย (ถูกใจเด็กหิวง่ายอย่างพวกเราเป็นอย่างยิ่ง)
เนื่องจากมากันสี่คนก็เลยพักอยู่ห้องเดียว ห้องก็สบายๆ มีแอร์ มีฟูกให้นอน
เข้าไปวางกระเป๋าปุ๊บก็ได้เวลาออกหากินมื้อกลางวันแล้ว :P ก็เดินย้อนกลับไปที่ตลาดน้ำ ห่างใกล้ๆประมาณร้อยเมตรเองมั้ง
สำหรับตลาดน้ำยามเย็นจะจัดเฉพาะ ศุกร์ - เสาร์ - อาทิตย์ เท่านั้น บ่ายๆอย่างงี้ยังมีเรือมาจอดขายได้ไม่เท่าไหร่ แต่แค่นี้ก็เล่นเอาแย่แล้ววว (กินกันไม่หยุดไม่หย่อน)
LUNCH : non-stop eating !
เรือขายกุ้งเผา - ปลาหมึกเผา : กุ้งที่อยู่ในจาน จานละร้อยบาทเอง
เราเริ่มด้วยทอดมันหัวปลี - วุ้นเส้นผัดไทยกุ้งสด - ยำส้มโอ - กุ้งเผา
อร่อยมากกกกกก ถูกด้วยอะ ผัดไทยกุ้งก็จานละยี่สิบ กุ้งเผานี่ก็ไข่เยอะมัก :D
ต่อด้วยของหวานที่ร้านกาญจนาพาณิชข้างๆสะพาน ขายพวกกาแฟโบราณ ชาเย็น ไปจนถึงของหวานอร่อยๆอย่าง เฉาก๊วยโบราณ หนมปังน้ำแดง กล้วยน้ำแดง มะละกอน้ำแดง หนมปังโอวัลติน ฯลฯ
ร้านนี้เก๋มาก มีโซนโปสการ์ด ซื้อแล้วก็มีปากกา เมจิก แสตมป์ให้เขียนส่งกลับไปที่บ้าน เขียนเสร็จก็หย่อนใส่ตู้หน้าร้านไปได้เลย !
แล้วเราก็สั่งแดงหางกาแฟ (น้ำแดงใส่กาแฟนิดๆ ให้มีรสขมติดที่ปลายลิ้น) ชานมที่อร่อยโคตรๆ และกาแฟเย็นสุดเข้มข้น พร้อมของหวานกล้วยน้ำแดง ขนมปังน้ำแดง ที่ให้น้ำแดงและนมข้นสะใจมาก และ เฉาก๊วยโบราณที่แปลกแหวกแนว เพราะให้ถ้วยเครื่องปรุง (น้ำเชื่อม น้ำแดง น้ำเขียว น้ำตาลทรายแดง) มาให้ใส่เติมความหวานเอาเอง ... ก็นั่งกินไป เพลงก็เพราะ ชิลสุดๆ ไอ้จ๋วงถึงกับอดใจไม่ไหวต้องโทรไปกรี๊ดกับแวว
ปล. ไอ้จ๋วงอดใจไม่ไหวสั่งก๋วยเตี๋ยวหมูเรือข้างๆร้านมากินอีก (สิบบาท) อร่อยสุดๆเหนมันว่างั้น
(มาที่นี่ก็อร่อยหมดทุกอย่างแหละ)
Leisure in the afternoon!
หลังจากกินกันจนยัดอะไรลงไปอีกไม่ได้แล้ว ก็ได้เวลาชิล เดินดูของ ผ่านพิพิธภัณฑ์เล็กๆของชุมชนที่คุณลุงคนหนึ่งทำขึ้นมาด้วยใจรัก แล้วเราก็มุ่งหน้าสู่ ฐณิชาฌ์ รีสอร์ท ของพี่ออฟ ซึ่งช่วยดูแลจัดการทริปของพวกเรา ถึงแม้จะไม่ได้พักที่นี่(เพราะเต็ม) ก็ตามเหอะ
ดูของที่ร้านธารามาร์ท
เพื่อเป็นการขอบคุณพี่ ก็โปรโหมตหน่อยละกันว่าห้องพักที่นี่ดีมาก เหมาะสำหรับครอบครัวที่จะไปเที่ยว เพราะว่ามีห้องน้ำส่วนตัวทุกห้อง (ซึ่งต่างจากโฮมสเตย์อื่นซึ่งจะแชร์ห้องน้ำกันครับ) ติดต่อได้ทางเว็บที่ให้ไว้หรือโทร 034 725 511
ที่นี่มีท่าน้ำให้นั่งชิลๆได้ บรรยากาศดีมาก น้ำใสๆเย็นๆแช่เท้าแล้วโคตรสบายเลย :) นั่งๆไปก็มีคุณยายพายเรือมาขายของบ้าง ข้างๆก็มีคนกำลังวาดภาพสีน้ำอยู่ ตรงข้ามก็มีบ้านของคุณลุงคนนึงนั่งเล่นอยู่กับน้องหมาสุดน่ารัก เลยเข้าไปคุย เล่นด้วย (ถามลุงว่าหมาชื่อไร ลุงบอกไม่รู้แต่คนอื่นเรียกว่าไอ้ดิ๊กดิ๊ก แต่มันก็ดุ๊กดิ๊กสมชื่ออะ ขี้เล่นมากกกก)
วันนี้ไว้แค่นี้ก่อนนะ ไว้คราวหน้ามาต่อกับทัวร์กินแหลกตอนเย็น!
หรือถ้าจะดูรูปเพิ่มเติม ไปได้ที่
http://www.flickr.com/photos/jaroz/sets/72157594248423633/
ครับ
เออ เข้ามาอ่านตอนสอบ...
อิจฉาเว้ย
ทำเอาอยากไปอีกหลายๆรอบเลยเว้ย
สอบเสร็จๆ ไปกันอีกเห๊อะ
ฮ่าๆ
อยากรับประทานนนนน ผัดไทย กะ กุ้งอบวุ้นเส้นนนนนน
คิดถึงอาหารไทยวุ้ย