คำเตือน! Blog ครั้งนี้ยาวใช้ได้เลย ค่อยๆอ่านละกันนะ :)
สวัสดีครับทุกท่าน ก่อนอื่นต้องขออภัยที่ไม่ได้อัพเดทบล็อคมานานจนฝุ่นหนาเตอะ เนื่องด้วยกลับมาที่เมืองไทยใหม่ๆก็ยังเงอะๆงะๆเป็นธรรมดา แถมลูกรักMacbook (โน้ตบุ้ค) ที่เก็บรูปเอาไว้ก็ดันส่งเข้าศูนย์ซ่อมเสียนี่ (จนป่านนี้ก็ยังอยู่ในศูนย์ รออะไหล่อยู่) ก็เลยไมไ่ด้มาอัพสักที
จนวันนี้เพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีรูปส่วนนึงเหลืออยู่ในกล้องดิจิตอล เลยโหลดลงคอมที่บ้าน เป็นที่มาของการอัพบล็อกที่เมืองไทยครั้งแรกหลังจากรอนแรมอยู่ในอเมริกามานับเกือบสามเดือน
เหมือนชื่อหัวเรื่องบล็อกครั้งนี้ ภาพที่เอามาลงคงหนีไม่พ้นภาพของ Las Vegas เมืองมหัศจรรย์สมสโลแกนที่การท่องเที่ยวของ sin city แห่งนี้ประกาศปาวๆว่า Only in Vegas จริงๆ
น่าเสียดายที่มีเวลาเที่ยวเมืองนี้ น้อยยยยยยยมากๆๆๆๆๆเหลือเกิน เนื่องจากคณะทัวร์จีนของเรากว่าจะมาถึงเมืองก็ตอนห้าโมงเย็นแล้ว และต้องกลับLAในเช้าวัดถัดมา สรุปก็คือมีเวลาแค่คืนเดียวนั่นแหละ
มีเวลาน้อยอย่างงี้ คณะทัวร์ของเราก็มีกลยุทธ์ฺสุดแยบคายมาหลอกล่อลูกทัวร์ ด้วยการขายแพคเกจ night tour สนนราคา 20 เหรียญ เพื่อทัวร์ตามจุดสำคัญต่างๆตอนกลางคืน เราในฐานะลูกทัวร์กระเหรี่ยง จะให้ไปเที่ยวเองก็คงไม่ครบ จึงต้องยอมจ่ายให้มันไปซะงั้นอะ
จุดแรกที่ night tour ของเรามาลงก็ได้แก่ โรงแรมสลัดผักรวมสุดแสบ หรือชื่อภาษาอังกฤษว่า CAESARS PALACE (เหตุที่ชื่อภาษาไทยเป็นอย่างนั้นจะเล่าให้ฟังทีหลัง)
มองจากรูปที่ลงอาจนึกว่าดูเหมือนเป็นญาติกะโพไซดอนรัชดา แต่กูขอรับประกันว่าไม่ใช่แน่นอน จุดประสงค์ที่มันมาลงตุ้บที่นี่ก็เพื่อดูโชว์หุ่นเล่าเรื่องเกี่ยวกับทวีปแอตแลนติส แต่สายตาของพวกกูดันเหลือบไปเห็นป้ายนีออนข้างๆ อ่านว่า DIESEL และ ABERCROMBIE & FITCH
...
เท่านั้นแหละ ตาโตกันเป็นแถบ เพราะที่นี่ มันเป็น Shopping Mall ดีๆนั่นเอง (โรงแรมใหญ่ๆใน Vegas เดี๋ยวนี้มีมอลล์กันทั้งนั้น ประมาณว่าได้เงินจากบ่อนมาก็เอามาจ่ายคืนแถวนี้ซะเลย)
เท่านั้นแหละครับ... เหงื่อตกเครียดกันไปตามๆกัน เหตุก็เพราะไอ้ทัวร์กลางคืนนี่กว่าจะเสร็จก็สี่ทุ่มกว่า แล้วไอ้ร้านพวกนี้มันปิดห้าทุ่ม แล้วพวกกูจะได้ชอปกันมั้ยเนี่ยยยยยยยยยยยย (-_-)
แน่น้อน พอคิดได้ดังนี้ โชว์จะดีแค่ไหนก็ไม่ดู ถึงจะเหลือเวลาแค่สิบห้านาทีก็แวะหลบดอดเข้าร้าน DIESEL ทันที
ผลลัพธ์?
กูได้กระเป๋ามาใบนึง 5555
หลังจากนั้นคณะทัวร์ก็พาไปหล่นตุ๊บดูโชว์เต้นที่โรงแรม Rio โชว์น้ำพุภูเขาไฟที่หน้าโรงแรม Mirage ก่อนจะข้ามฟากไปอีกโรงแรมดัง... The Venitian
เข้าไปที่โรงแรมเท่านั้นแหละ เล่นเอาตกตะลึงโอ้มายก้อดหนิ กันทุกคน (คำอุทานประจำแก้งค์ princess royale)
ก็พี่แกเล่นจำลอง เวนิซ มาอยู่ในโรงแรมเลย ทั้งคลอง ทั้งเรือกอนโดล่า แบบว่า เจ๋งว่ะ
ภายในโรงแรม (ที่เห็นท้องฟ้าน่ะ ภาพวาดนะเฟ่ยไม่ใช่ฟ้าจริง)
ข้างนอกโรงแรม (อลังการสุดๆ)
จบจากเวนิเซียน ก็ไปดูถนนจอ LED ยักษ์ (ไม่รู้เรียกชื่อว่าอะไรอะ) หลังคาทั้งถนนนั้นเป็นจอหมดเลย พอดีว่าส่วนมากถ่ายเป็นวีดีโอ เลยเก็บรูปมาไม่ค่อยมาก แต่ขอบอกคำเดียวว่า แสงสีเสียง สุดยอดดดดดดดดดดดดดดดดด
ที่เห็นขาวๆยาวๆด้านบนนั่นแหละ หลัีงคาจอ LEDใหญ่ที่สุดในโลก (ยังไม่เปิด)
พอโชว์มาก็เกิดอาการเพ้ออย่างงี้ -*-
แล้วก็มาลงที่จุดสุดท้ายของทัวร์ หนีไม่พ้น น้ำพุ Belagio ที่เห็นใน Ocean 11 นั่นแหละ ถือเป็นไคลแมกซ์อีกอันที่ปิดท้ายได้อย่างสุดยอด romantic มากๆ ดูแล้วขนลุกอะ อย่างกับพิธีปิดโอลิมปิกว่างั้น
ดูในรูปอาจจะรู้สึกเฉยๆ แต่ถ้าใครได้ดูวีดีโอ หรือยิ่งได้ดูของจริงแล้วจะรู้อะ ว่าสวยสุดๆ (ในรูปนี่ถ่ายมาไม่ถึงครึ่งนึงของความยาวน้ำพุมั้ง ใหญ่มากๆๆๆๆๆ ส่วนโรงแรม Belagio เป้นฉากหลังอยู่ด้านซ้าย ส่วนด้านขวาก็คือโรงแรมสลัดผักนั่นเอง)
ดูเสร็จปุ๊บผีชอปปิ้งก็เกาะเข้ามาสิงอีกรอบ ไอ้แดนกะไอ้พดแทบจะฉุดกระชากกู แยกออกจากกรุ๊ปทัวร์กลับไป Forum Shop ที่โรงแรมสลัดผักรวมอีกรอบ (เพราะกรุ๊ปทัวร์มันจะกลับไปดู topless โชว์ที่โรงแรมต่อ -*- ... มันต้องจ่าย 65$ อะ เอาตังค์ไปชอปดีกว่าวุ้ย)
ภายใน Forum Shop
แน่น้อน หลายคนคงรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ไอ้พดไอ้แดนตรงดิ่งเข้าไปใน Diesel ส่วนกูเนื่องจากถอยกระเป๋ามาเรียบร้อย เลยเข้าไปเซิฟๆชิลๆดูใน Aber แทน
...
ปรากดว่าตอนออกมาได้เสื้อติดมือมาอีกหนึ่งตัว (ไอ้เวงงงงงง) หน้านี่ไม่ต้องใช้กระดาษซับมันมาช่วยเล้ย แห้งงงงงสนิท -*-
ยังไม่สร่างจากลูกเตะตีนกวาง(Aber)ดีนัก เลยเข้าไปดูอาการสองคนนั่นในดีเซล น่านนนน เอาเลย ไอ้พดหน้าเครียดมาเชียว ไม่ใช่อะไรหรอกนะ เพราะกางเกงขาเดฟในร้านแม่งสวยสุดตรีนเหมือนเกิดมาเพื่อแม่งโดยเฉพาะ แต่ราคานี่กดโหดไปหน่อย แม่งก็เหงื่อตกซิกๆ 'ป๊อปปปปปป กูจะถอยดีมั้ยเนี่ยยยยย'
สุดท้ายแม่งก็ถอยยีนส์ใหม่เอี่ยมมาทั้งคู่เลยครับ กรอบกันทั้งแก๊๊งค์ จำไว้นะไอ้สลัดผักรวม! (โปรดอย่าลืมว่าพวกกูมีเวลาชอปเพียงแค่ครึ่งชั่วโมง ก็ถอยลูกออกมาเต็มบ้านเต็มเมือง นี่ถ้าแม่งเปิดให้ชอปต่อนะ -*- ไม่อยากคิดเล้ย แมร่งงง พาราก้อน เกสร ก็เหอะ เจอพี่สลัดนี่ชิดซ้ายไปเลย)
วิหารกุ๊ดจี่
ถอยมาจนได้สินะกู -_-
เฮ่อ จบจากรายการชอปดุเดือดก็ได้เวลาเดินชิลๆกลับโรงแรม ผ่านโรงแรมดูแสงสียามราตรี สวยโคตรๆอะ ผ่าน Treasure Island, ผ่าน Wynn โรงแรมอันดับหนึ่งอันใหม่ล่าสุดของเมืองนี้ (เป็นที่ตั้งของเฟอรารี่บูติก ชอปเฟอที่ขายดีที่สุดในอเมริกา... แต่ไม่ได้เข้าไปอะ แหะๆ -*-) ที่น่าเจ็บใจคือดันไปผ่านมอลล์ชื่อ Fashion show ตรงข้าม Wynn อะดิ มองไปนี่แมร่งงงงงงงง สวรร์คพวกกูดีๆนี่เอง ทำไมไม่อยู่เมืองนี้ให้นานกว่านี้ หรือมาเจอไอ้มอลล์นี้ก่อนฟะ เพราะมันมีทุกร้านที่มองหาอะ ตั้งแต่ Puma Quicksilver Diesel Abercrombie Nike Hollister Lacoste Armani Apple กระทั่ง No Fear ที่ไม่เคยเห็นที่ไหนก็มี เศร้าใจสุดๆ >+_+< เล่นเอาทั้งคณะครางออกมาด้วยความเสียดาย
สรุปว่า Vegas นายแน่มากจริงๆ!!!
ปล. แถมอีกรูป
อันนี้กูไม่ได้ไปปารีสมานะเฟ่ย แต่นี่คือโรงแรม PARIS นั่นเอง อยู่ตรงข้าม Belagio -*- มันเล่นมีทุกอย่างในโลกนี้เลยแฮะ มีโรงแรม Newyork Newyork ก็เปนจำลอง Newyork แล้วก็มีโรงแรมที่เป็นพีระมิด (มีสฟิงค์อยู่หน้าโรงแรมด้วยอะ)
เฮ่้อ ไว้มีโอกาสจะไปใหม่! SEE YOU! LAS VEGAS!
Note : ไว้โน้ตบุ้คซ่อมเสร็จจะทยอยเอาเรื่องทริปที่อื่นๆมาลง คลิกเข้ามาดูๆละกัน
สวัสดีครับทุกท่าน ก่อนอื่นต้องขออภัยที่ไม่ได้อัพเดทบล็อคมานานจนฝุ่นหนาเตอะ เนื่องด้วยกลับมาที่เมืองไทยใหม่ๆก็ยังเงอะๆงะๆเป็นธรรมดา แถมลูกรักMacbook (โน้ตบุ้ค) ที่เก็บรูปเอาไว้ก็ดันส่งเข้าศูนย์ซ่อมเสียนี่ (จนป่านนี้ก็ยังอยู่ในศูนย์ รออะไหล่อยู่) ก็เลยไมไ่ด้มาอัพสักที
จนวันนี้เพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีรูปส่วนนึงเหลืออยู่ในกล้องดิจิตอล เลยโหลดลงคอมที่บ้าน เป็นที่มาของการอัพบล็อกที่เมืองไทยครั้งแรกหลังจากรอนแรมอยู่ในอเมริกามานับเกือบสามเดือน
เหมือนชื่อหัวเรื่องบล็อกครั้งนี้ ภาพที่เอามาลงคงหนีไม่พ้นภาพของ Las Vegas เมืองมหัศจรรย์สมสโลแกนที่การท่องเที่ยวของ sin city แห่งนี้ประกาศปาวๆว่า Only in Vegas จริงๆ
น่าเสียดายที่มีเวลาเที่ยวเมืองนี้ น้อยยยยยยยมากๆๆๆๆๆเหลือเกิน เนื่องจากคณะทัวร์จีนของเรากว่าจะมาถึงเมืองก็ตอนห้าโมงเย็นแล้ว และต้องกลับLAในเช้าวัดถัดมา สรุปก็คือมีเวลาแค่คืนเดียวนั่นแหละ
มีเวลาน้อยอย่างงี้ คณะทัวร์ของเราก็มีกลยุทธ์ฺสุดแยบคายมาหลอกล่อลูกทัวร์ ด้วยการขายแพคเกจ night tour สนนราคา 20 เหรียญ เพื่อทัวร์ตามจุดสำคัญต่างๆตอนกลางคืน เราในฐานะลูกทัวร์กระเหรี่ยง จะให้ไปเที่ยวเองก็คงไม่ครบ จึงต้องยอมจ่ายให้มันไปซะงั้นอะ
จุดแรกที่ night tour ของเรามาลงก็ได้แก่ โรงแรมสลัดผักรวมสุดแสบ หรือชื่อภาษาอังกฤษว่า CAESARS PALACE (เหตุที่ชื่อภาษาไทยเป็นอย่างนั้นจะเล่าให้ฟังทีหลัง)
มองจากรูปที่ลงอาจนึกว่าดูเหมือนเป็นญาติกะโพไซดอนรัชดา แต่กูขอรับประกันว่าไม่ใช่แน่นอน จุดประสงค์ที่มันมาลงตุ้บที่นี่ก็เพื่อดูโชว์หุ่นเล่าเรื่องเกี่ยวกับทวีปแอตแลนติส แต่สายตาของพวกกูดันเหลือบไปเห็นป้ายนีออนข้างๆ อ่านว่า DIESEL และ ABERCROMBIE & FITCH
...
เท่านั้นแหละ ตาโตกันเป็นแถบ เพราะที่นี่ มันเป็น Shopping Mall ดีๆนั่นเอง (โรงแรมใหญ่ๆใน Vegas เดี๋ยวนี้มีมอลล์กันทั้งนั้น ประมาณว่าได้เงินจากบ่อนมาก็เอามาจ่ายคืนแถวนี้ซะเลย)
เท่านั้นแหละครับ... เหงื่อตกเครียดกันไปตามๆกัน เหตุก็เพราะไอ้ทัวร์กลางคืนนี่กว่าจะเสร็จก็สี่ทุ่มกว่า แล้วไอ้ร้านพวกนี้มันปิดห้าทุ่ม แล้วพวกกูจะได้ชอปกันมั้ยเนี่ยยยยยยยยยยยย (-_-)
แน่น้อน พอคิดได้ดังนี้ โชว์จะดีแค่ไหนก็ไม่ดู ถึงจะเหลือเวลาแค่สิบห้านาทีก็แวะหลบดอดเข้าร้าน DIESEL ทันที
ผลลัพธ์?
กูได้กระเป๋ามาใบนึง 5555
หลังจากนั้นคณะทัวร์ก็พาไปหล่นตุ๊บดูโชว์เต้นที่โรงแรม Rio โชว์น้ำพุภูเขาไฟที่หน้าโรงแรม Mirage ก่อนจะข้ามฟากไปอีกโรงแรมดัง... The Venitian
เข้าไปที่โรงแรมเท่านั้นแหละ เล่นเอาตกตะลึงโอ้มายก้อดหนิ กันทุกคน (คำอุทานประจำแก้งค์ princess royale)
ก็พี่แกเล่นจำลอง เวนิซ มาอยู่ในโรงแรมเลย ทั้งคลอง ทั้งเรือกอนโดล่า แบบว่า เจ๋งว่ะ
ภายในโรงแรม (ที่เห็นท้องฟ้าน่ะ ภาพวาดนะเฟ่ยไม่ใช่ฟ้าจริง)
ข้างนอกโรงแรม (อลังการสุดๆ)
จบจากเวนิเซียน ก็ไปดูถนนจอ LED ยักษ์ (ไม่รู้เรียกชื่อว่าอะไรอะ) หลังคาทั้งถนนนั้นเป็นจอหมดเลย พอดีว่าส่วนมากถ่ายเป็นวีดีโอ เลยเก็บรูปมาไม่ค่อยมาก แต่ขอบอกคำเดียวว่า แสงสีเสียง สุดยอดดดดดดดดดดดดดดดดด
ที่เห็นขาวๆยาวๆด้านบนนั่นแหละ หลัีงคาจอ LEDใหญ่ที่สุดในโลก (ยังไม่เปิด)
พอโชว์มาก็เกิดอาการเพ้ออย่างงี้ -*-
แล้วก็มาลงที่จุดสุดท้ายของทัวร์ หนีไม่พ้น น้ำพุ Belagio ที่เห็นใน Ocean 11 นั่นแหละ ถือเป็นไคลแมกซ์อีกอันที่ปิดท้ายได้อย่างสุดยอด romantic มากๆ ดูแล้วขนลุกอะ อย่างกับพิธีปิดโอลิมปิกว่างั้น
ดูในรูปอาจจะรู้สึกเฉยๆ แต่ถ้าใครได้ดูวีดีโอ หรือยิ่งได้ดูของจริงแล้วจะรู้อะ ว่าสวยสุดๆ (ในรูปนี่ถ่ายมาไม่ถึงครึ่งนึงของความยาวน้ำพุมั้ง ใหญ่มากๆๆๆๆๆ ส่วนโรงแรม Belagio เป้นฉากหลังอยู่ด้านซ้าย ส่วนด้านขวาก็คือโรงแรมสลัดผักนั่นเอง)
ดูเสร็จปุ๊บผีชอปปิ้งก็เกาะเข้ามาสิงอีกรอบ ไอ้แดนกะไอ้พดแทบจะฉุดกระชากกู แยกออกจากกรุ๊ปทัวร์กลับไป Forum Shop ที่โรงแรมสลัดผักรวมอีกรอบ (เพราะกรุ๊ปทัวร์มันจะกลับไปดู topless โชว์ที่โรงแรมต่อ -*- ... มันต้องจ่าย 65$ อะ เอาตังค์ไปชอปดีกว่าวุ้ย)
ภายใน Forum Shop
แน่น้อน หลายคนคงรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ไอ้พดไอ้แดนตรงดิ่งเข้าไปใน Diesel ส่วนกูเนื่องจากถอยกระเป๋ามาเรียบร้อย เลยเข้าไปเซิฟๆชิลๆดูใน Aber แทน
...
ปรากดว่าตอนออกมาได้เสื้อติดมือมาอีกหนึ่งตัว (ไอ้เวงงงงงง) หน้านี่ไม่ต้องใช้กระดาษซับมันมาช่วยเล้ย แห้งงงงงสนิท -*-
ยังไม่สร่างจากลูกเตะตีนกวาง(Aber)ดีนัก เลยเข้าไปดูอาการสองคนนั่นในดีเซล น่านนนน เอาเลย ไอ้พดหน้าเครียดมาเชียว ไม่ใช่อะไรหรอกนะ เพราะกางเกงขาเดฟในร้านแม่งสวยสุดตรีนเหมือนเกิดมาเพื่อแม่งโดยเฉพาะ แต่ราคานี่กดโหดไปหน่อย แม่งก็เหงื่อตกซิกๆ 'ป๊อปปปปปป กูจะถอยดีมั้ยเนี่ยยยยย'
สุดท้ายแม่งก็ถอยยีนส์ใหม่เอี่ยมมาทั้งคู่เลยครับ กรอบกันทั้งแก๊๊งค์ จำไว้นะไอ้สลัดผักรวม! (โปรดอย่าลืมว่าพวกกูมีเวลาชอปเพียงแค่ครึ่งชั่วโมง ก็ถอยลูกออกมาเต็มบ้านเต็มเมือง นี่ถ้าแม่งเปิดให้ชอปต่อนะ -*- ไม่อยากคิดเล้ย แมร่งงง พาราก้อน เกสร ก็เหอะ เจอพี่สลัดนี่ชิดซ้ายไปเลย)
วิหารกุ๊ดจี่
ถอยมาจนได้สินะกู -_-
เฮ่อ จบจากรายการชอปดุเดือดก็ได้เวลาเดินชิลๆกลับโรงแรม ผ่านโรงแรมดูแสงสียามราตรี สวยโคตรๆอะ ผ่าน Treasure Island, ผ่าน Wynn โรงแรมอันดับหนึ่งอันใหม่ล่าสุดของเมืองนี้ (เป็นที่ตั้งของเฟอรารี่บูติก ชอปเฟอที่ขายดีที่สุดในอเมริกา... แต่ไม่ได้เข้าไปอะ แหะๆ -*-) ที่น่าเจ็บใจคือดันไปผ่านมอลล์ชื่อ Fashion show ตรงข้าม Wynn อะดิ มองไปนี่แมร่งงงงงงงง สวรร์คพวกกูดีๆนี่เอง ทำไมไม่อยู่เมืองนี้ให้นานกว่านี้ หรือมาเจอไอ้มอลล์นี้ก่อนฟะ เพราะมันมีทุกร้านที่มองหาอะ ตั้งแต่ Puma Quicksilver Diesel Abercrombie Nike Hollister Lacoste Armani Apple กระทั่ง No Fear ที่ไม่เคยเห็นที่ไหนก็มี เศร้าใจสุดๆ >+_+< เล่นเอาทั้งคณะครางออกมาด้วยความเสียดาย
สรุปว่า Vegas นายแน่มากจริงๆ!!!
ปล. แถมอีกรูป
อันนี้กูไม่ได้ไปปารีสมานะเฟ่ย แต่นี่คือโรงแรม PARIS นั่นเอง อยู่ตรงข้าม Belagio -*- มันเล่นมีทุกอย่างในโลกนี้เลยแฮะ มีโรงแรม Newyork Newyork ก็เปนจำลอง Newyork แล้วก็มีโรงแรมที่เป็นพีระมิด (มีสฟิงค์อยู่หน้าโรงแรมด้วยอะ)
เฮ่้อ ไว้มีโอกาสจะไปใหม่! SEE YOU! LAS VEGAS!
Note : ไว้โน้ตบุ้คซ่อมเสร็จจะทยอยเอาเรื่องทริปที่อื่นๆมาลง คลิกเข้ามาดูๆละกัน
กูขอบอกว่าเวนิซที่มึงเห็นนั่นอยู่ใน Miss Congeniality2 ด้วย ถ้าจำไม่ผิด
ที่นางเอกกำลังวิ่งไล่ Dolly Partonอ่ะ (สะกดถูกรึป่าว)
คิดถึงกูละสิ อิๆๆๆๆๆๆๆ
แสรด
อิจฉาเว้ย