ปิดเทอมแล้ววว หมดข้ออ้างที่จะดองบล็อกต่อไป
ขอมาเก็บกวาดสะสางบล็อกที่ดองเค็มไว้มากมายเลยดีกว่า
ปล. อัพรูปอัมพวาไว้ที่ flickr ดูเต็มๆเซ็ท ขนาดใหญ่กว่าที่ลงบล็อกได้ที่นี่ http://www.flickr.com/photos/jaroz/sets/72157594248423633/
บ้านกะลามะพร้าว มีของทำจากกะลาเยอะแยะ
เดินย้อนกลับมาที่ฝั่งตรงข้ามที่พัก(เรือนแพอัมพวา) ก็มาเจอกับร้าน สมานการค้า ร้านกาแฟ (อีกร้าน) ซึ่งเป็นร้านที่เก่าแก่สุดกว่าเจ็ดแปดสิบปี (ถ้าจำไม่ผิด) ตอนนี้ขยายกิจการไปเปิดแถวธนิยะแล้ว กาแฟโบราณแก้วละสามห้า แต่ที่อัมพวา ขายแค่สิบบาทเท่านั้น วะฮะฮ่า (อร่อยมากกกกกกกกกกกกกกกกก)
เริ่มเดินไปแถวตลาดบก ตอนนี้เริ่มคึกคักแล้ว เดินไปเดินมาก็สะดุดตากับไอ้นี่แหละ กุ้งอบวุ้นเส้น 25 บาทเท่านั้น โอ้ววว สุดๆ
น่ากินใช่ม้าาาาา
ขอบอกว่า ตลาดคึกคักมากกกกกก ของกินตรึมมมม มองไปทางไหนก็มีแต่ของกิน ถูกก็ถูก อร่อยก็อร่อย แมร่งงง สวรรค์แท้ๆ
วุ้นไข่
แล้วก็ฟาดขนมของกินเล่นไปอีกเพียบ ที่ติดใจอันนึงก็เป็นหนมปังทอดห่อไส้กรอก ส่วนมื้อเย็นที่ดูเป็นชิ้นเป็นอัดสุดก็เย็นตาโฟที่เหนในภาพแหละ สิบบาทตามเคย
เพราะว่าคนเยอะมาก เลยแว่บหลีกหนีความวุ่นวายไปที่วัดอัมพวันสักแป๊บบบ ข้างในก็สวยใช้ได้เลย ถ้าใครได้ไปเที่ยวอุทยาน ร.2 ก็อาจจะเคยมาวัดนี้นะ อยู่ใกล้ๆกัน
เดินกลับมาก็เริ่มตะวันตกดินแล้ว บรรยากาศยิ่งดีขึ้นไปอีก
แล้วเราก็แว่บไปที่ร้านธารามาร์ทอีกครั้ง ตามที่พี่เค้าชวนเอาไว้ตั้งแต่ตอนบ่ายว่าตอนเย็นข้างบนร้านน่านั่งมาก เดินขึ้นไปก็ โอ้วว น่านั่งจิงๆด้วย บรรยากาศโคตรดีเลย เพลงก็เปิดสไตล์ชิลเอ้าท์ มีเทสมากเลยพี่ ยกคะแนนบรรยากาศให้เต็มๆ
ชิลแบบนี้ต้องมีไฮเนเก้นตามเคย!
นั่งได้สักพักก็กลับไปขึ้นเรือดูหิ่งห้อย ก็ โอนะ ตอนแรกก็ตื่นเต้น สักพักก็เริ่มจะหลับและ ง่วง ฮ่าๆ กลับมาขึ้นฝั่งอีกก็ หิวอีกแล้ววว 55 ตอนนั้นก็จะห้าทุ่มแล้วมั้ง ร้านส่วนมากก็ปิดหมดและ แต่ว่ายังมีร้านก๋วยเตียวแถวตลาดยังเปิดอยู่ ก็ซัดก๋วยเตี๋ยวหมูปิดท้ายวันนี้ไป
ขากลับฮามาก เพราะว่าที่ละแวกตึกแถวนั้น มีกลุ่มชาวบ้านรวมตัวกันร้องเกะกันอยู่ ด้วยแรงยุกันเอง ประมาณว่าไหนๆวันนี้ก็ทำเกือบทุกอย่างและ เลยเข้าไปแจมกับคุณลุงๆป้าๆด้วยซะเลย ^_^" เป็นเล่นไป ร้องไปได้สักสามเพลงมั้ง มีชาวบ้านที่นั่งกินข้าวแถวนั้นออกมาเต้นตามด้วยวุ้ย สนุกดีว่ะ รักคนอัมพวาจังเลย ใจดี เป็นกันเองสุดๆ เค้าบอกว่าเสาร์อาทิตย์ก็มารวมตัวกันอย่างงี้ จ่ายค่าไฟให้คุณลุงตามอรรธยาศรัย ถือเป็นค่าสินไหมทดแทนที่ต้องมาทนฟังเสียงพวกเราแล้วกันครับ 55
(เดินออกมาแล้วเพิ่งรู้ว่าเสียงเกะที่นี่ดังไปไกลข้ามคลองด้วยอะ เหอๆ)
วันที่ 2
ตื่นหกโมงเช้าด้วยความงัวเงียเล็กๆ มาใส่บาตร พระที่นี่ นอกจากจะบิณฑบาตรทางบกแล้ว ยังออกบิณฑบาตรทางน้ำด้วย ก็ได้บุญกันถ้วนหน้าตั้งแต่เช้า :)
ยังไม่วายถ่ายรูปของกินอีก
อาหารเช้าวันนี้ : ปาท่องโก๋กะน้ำเต้าหู้ที่ป้าหน่อยเตรียมให้
แน่น้อนนน ด้วยความเป็นทริปกิน เลยตระเวนไปกินก๋วยเตี๋ยว แวะร้านสมานกินกาแฟโบราณอีกรอบ ก่อนจะออกเดินเล่น ไปเจอคุณลุงกับไอ้ดุ๊กดิ๊กอีกรอบ
ว่างๆ ก็เลยเดินๆๆๆๆไปวัดจุฬามณี ถามคุณลุงบอกว่าใกล้ๆ อุตส่าห์เชื่อ ปรากดว่า โคตรรรร ไกลเลย -_-" วัดก็สวยดีนะ แต่ว่าตัวโบสถ์ดูทรุดโทรมไปหน่อย นอกจากโบสถ์แล้ว ยังมีศาลาที่มีร่างของหลวงปูเนื่อง หลวงปู่ที่มีชื่อและเป็นที่เคารพมาก ในภาพจะเห็นว่า ร่างของท่านยังไม่เน่าเปื่อยเลย แม้จะมรณภาพไปนานแล้ว
แล้วเราก็นั่งมอไซค์กลับไปที่อัมพวาอีกครั้ง นั่งเล่นไปมา นัดกับพี่ออฟไว้ว่าจะไปดูสวนตาลกันตั้งแต่คืนก่อน วันนี้พี่ก็เลยใจดีพาไปฟรีๆไม่ชาร์จอะไร ให้ยืม จักรยานขี่กันไปด้วย!!! ไปคราวนี้เดินทางทุกรูปแบบเลยวุ้ย
ที่สวนตาลที่นี้ยังเก็บเกี่ยวแบบเก่าอยู่เลย เสียดายที่ยังไม่ได้เคี่ยวตาล แต่แค่นี้ก็ได้เห็นอะไรเยอะแยะและ พี่ออฟกับคุณป้าที่สวนก็อุตส่าห์อธิบายอะไรตั้งเยอะแยะ เฮ่อ คนที่นี่ใจดีจิงๆเลย ถ้าคนในกรุงเทพเป็นได้แบบนี้ก็ดีอะดิ มาที่นี่ยังไม่เจออะไรให้เสียอารมณ์เลยสักอย่าง
คุณลุงที่สวน กะเตาตาลแบบดั้งเดิม สำหรับเคี่ยวน้ำตาลปึก
เป็นการจบทริปอัมพวา! ขากลับก็ลองนั่งรถสองแถวไปที่แม่กลอง ก่อนจะต่อรถตู้กลับกรุงเทพ เทียบกันแล้ว วิธีหลังสบายกว่าเยอะเลย รถตู้แค่หกสิบบาทเองแหละ
ไว้วันหลังจะไปใหม่นะ อัมพวา :D
ขอมาเก็บกวาดสะสางบล็อกที่ดองเค็มไว้มากมายเลยดีกว่า
ปล. อัพรูปอัมพวาไว้ที่ flickr ดูเต็มๆเซ็ท ขนาดใหญ่กว่าที่ลงบล็อกได้ที่นี่ http://www.flickr.com/photos/jaroz/sets/72157594248423633/
บ้านกะลามะพร้าว มีของทำจากกะลาเยอะแยะ
เดินย้อนกลับมาที่ฝั่งตรงข้ามที่พัก(เรือนแพอัมพวา) ก็มาเจอกับร้าน สมานการค้า ร้านกาแฟ (อีกร้าน) ซึ่งเป็นร้านที่เก่าแก่สุดกว่าเจ็ดแปดสิบปี (ถ้าจำไม่ผิด) ตอนนี้ขยายกิจการไปเปิดแถวธนิยะแล้ว กาแฟโบราณแก้วละสามห้า แต่ที่อัมพวา ขายแค่สิบบาทเท่านั้น วะฮะฮ่า (อร่อยมากกกกกกกกกกกกกกกกก)
เริ่มเดินไปแถวตลาดบก ตอนนี้เริ่มคึกคักแล้ว เดินไปเดินมาก็สะดุดตากับไอ้นี่แหละ กุ้งอบวุ้นเส้น 25 บาทเท่านั้น โอ้ววว สุดๆ
น่ากินใช่ม้าาาาา
ขอบอกว่า ตลาดคึกคักมากกกกกก ของกินตรึมมมม มองไปทางไหนก็มีแต่ของกิน ถูกก็ถูก อร่อยก็อร่อย แมร่งงง สวรรค์แท้ๆ
วุ้นไข่
แล้วก็ฟาดขนมของกินเล่นไปอีกเพียบ ที่ติดใจอันนึงก็เป็นหนมปังทอดห่อไส้กรอก ส่วนมื้อเย็นที่ดูเป็นชิ้นเป็นอัดสุดก็เย็นตาโฟที่เหนในภาพแหละ สิบบาทตามเคย
เพราะว่าคนเยอะมาก เลยแว่บหลีกหนีความวุ่นวายไปที่วัดอัมพวันสักแป๊บบบ ข้างในก็สวยใช้ได้เลย ถ้าใครได้ไปเที่ยวอุทยาน ร.2 ก็อาจจะเคยมาวัดนี้นะ อยู่ใกล้ๆกัน
เดินกลับมาก็เริ่มตะวันตกดินแล้ว บรรยากาศยิ่งดีขึ้นไปอีก
แล้วเราก็แว่บไปที่ร้านธารามาร์ทอีกครั้ง ตามที่พี่เค้าชวนเอาไว้ตั้งแต่ตอนบ่ายว่าตอนเย็นข้างบนร้านน่านั่งมาก เดินขึ้นไปก็ โอ้วว น่านั่งจิงๆด้วย บรรยากาศโคตรดีเลย เพลงก็เปิดสไตล์ชิลเอ้าท์ มีเทสมากเลยพี่ ยกคะแนนบรรยากาศให้เต็มๆ
ชิลแบบนี้ต้องมีไฮเนเก้นตามเคย!
นั่งได้สักพักก็กลับไปขึ้นเรือดูหิ่งห้อย ก็ โอนะ ตอนแรกก็ตื่นเต้น สักพักก็เริ่มจะหลับและ ง่วง ฮ่าๆ กลับมาขึ้นฝั่งอีกก็ หิวอีกแล้ววว 55 ตอนนั้นก็จะห้าทุ่มแล้วมั้ง ร้านส่วนมากก็ปิดหมดและ แต่ว่ายังมีร้านก๋วยเตียวแถวตลาดยังเปิดอยู่ ก็ซัดก๋วยเตี๋ยวหมูปิดท้ายวันนี้ไป
ขากลับฮามาก เพราะว่าที่ละแวกตึกแถวนั้น มีกลุ่มชาวบ้านรวมตัวกันร้องเกะกันอยู่ ด้วยแรงยุกันเอง ประมาณว่าไหนๆวันนี้ก็ทำเกือบทุกอย่างและ เลยเข้าไปแจมกับคุณลุงๆป้าๆด้วยซะเลย ^_^" เป็นเล่นไป ร้องไปได้สักสามเพลงมั้ง มีชาวบ้านที่นั่งกินข้าวแถวนั้นออกมาเต้นตามด้วยวุ้ย สนุกดีว่ะ รักคนอัมพวาจังเลย ใจดี เป็นกันเองสุดๆ เค้าบอกว่าเสาร์อาทิตย์ก็มารวมตัวกันอย่างงี้ จ่ายค่าไฟให้คุณลุงตามอรรธยาศรัย ถือเป็นค่าสินไหมทดแทนที่ต้องมาทนฟังเสียงพวกเราแล้วกันครับ 55
(เดินออกมาแล้วเพิ่งรู้ว่าเสียงเกะที่นี่ดังไปไกลข้ามคลองด้วยอะ เหอๆ)
วันที่ 2
ตื่นหกโมงเช้าด้วยความงัวเงียเล็กๆ มาใส่บาตร พระที่นี่ นอกจากจะบิณฑบาตรทางบกแล้ว ยังออกบิณฑบาตรทางน้ำด้วย ก็ได้บุญกันถ้วนหน้าตั้งแต่เช้า :)
ยังไม่วายถ่ายรูปของกินอีก
อาหารเช้าวันนี้ : ปาท่องโก๋กะน้ำเต้าหู้ที่ป้าหน่อยเตรียมให้
แน่น้อนนน ด้วยความเป็นทริปกิน เลยตระเวนไปกินก๋วยเตี๋ยว แวะร้านสมานกินกาแฟโบราณอีกรอบ ก่อนจะออกเดินเล่น ไปเจอคุณลุงกับไอ้ดุ๊กดิ๊กอีกรอบ
ว่างๆ ก็เลยเดินๆๆๆๆไปวัดจุฬามณี ถามคุณลุงบอกว่าใกล้ๆ อุตส่าห์เชื่อ ปรากดว่า โคตรรรร ไกลเลย -_-" วัดก็สวยดีนะ แต่ว่าตัวโบสถ์ดูทรุดโทรมไปหน่อย นอกจากโบสถ์แล้ว ยังมีศาลาที่มีร่างของหลวงปูเนื่อง หลวงปู่ที่มีชื่อและเป็นที่เคารพมาก ในภาพจะเห็นว่า ร่างของท่านยังไม่เน่าเปื่อยเลย แม้จะมรณภาพไปนานแล้ว
แล้วเราก็นั่งมอไซค์กลับไปที่อัมพวาอีกครั้ง นั่งเล่นไปมา นัดกับพี่ออฟไว้ว่าจะไปดูสวนตาลกันตั้งแต่คืนก่อน วันนี้พี่ก็เลยใจดีพาไปฟรีๆไม่ชาร์จอะไร ให้ยืม จักรยานขี่กันไปด้วย!!! ไปคราวนี้เดินทางทุกรูปแบบเลยวุ้ย
ที่สวนตาลที่นี้ยังเก็บเกี่ยวแบบเก่าอยู่เลย เสียดายที่ยังไม่ได้เคี่ยวตาล แต่แค่นี้ก็ได้เห็นอะไรเยอะแยะและ พี่ออฟกับคุณป้าที่สวนก็อุตส่าห์อธิบายอะไรตั้งเยอะแยะ เฮ่อ คนที่นี่ใจดีจิงๆเลย ถ้าคนในกรุงเทพเป็นได้แบบนี้ก็ดีอะดิ มาที่นี่ยังไม่เจออะไรให้เสียอารมณ์เลยสักอย่าง
คุณลุงที่สวน กะเตาตาลแบบดั้งเดิม สำหรับเคี่ยวน้ำตาลปึก
เป็นการจบทริปอัมพวา! ขากลับก็ลองนั่งรถสองแถวไปที่แม่กลอง ก่อนจะต่อรถตู้กลับกรุงเทพ เทียบกันแล้ว วิธีหลังสบายกว่าเยอะเลย รถตู้แค่หกสิบบาทเองแหละ
ไว้วันหลังจะไปใหม่นะ อัมพวา :D
โอ้ยยยยย
อิฮั้นอยากไปวันที่มีตลาดน้ำบ้างงงงง