เพิ่งสังเกตก่อนเข้ามาโพสต์บล็อกในวันนี้
ว่านี่คือ post ครั้งที่ 501 แล้ว !!!
งงล่ะสิ ว่านี่อัพไปเยอะขนาดนี้เลย!!??
ความจริงไม่หรอก เพราะว่าตอนไปอังกฤษ ที่บ้าอัพทุกสองวัน ครั้งนึงก็รูปเป็นสิบ ไอ้ช่วงนั้น การโพสต์รูปมันจะเป็นแบบหนึ่งรูปต่อหนึ่งโพสต์ เลขก็เลยปั่นขึ้นมาเยอะแบบนี้ แหะๆ
------------------------------------------
เสาร์ที่แล้วไป Commart มากับไอ้อ้อน ไอ้ตี๋ เจอแซม เจอเิอิ๊บ ... คือจะว่าไปมันก็ยกลานเกียร์ไปที่นั่นแหละ คือไอ้ที่ไปเนี่ย กูไม่ได้จะไปซื้ออะไรหรอก แต่มันว่างจัดไง อยู่บ้านก็นอนเฉยๆ ก็ เอาวะ เบียดคนไปช่วยมันเลือก ไม่รู้คิดถูกหรือคิดผิด... คือไม่ใช่เรื่องที่ไปช่วยมันเลือกนะ แต่มันคือเรื่องคนเนี่ยแหละ คนแม่งจะมากไปถึงไหนวะ เบียดกันซะแทบไม่มีรูให้หายใจ แม่งไม่ได้แจกฟรีนะโว้ย จบงานนี้เล่นเอาเหนื่อย + หลอน เมื่อคิดว่างานหนังสือ ถ้าไปเดินจะเปนไง
สรุปว่าทุำกคนก็ถอยโน้ตบุ้คกันคนละเครื่องกันถ้วนหน้า อ้อนมาทีหลังแต่ถอยได้ก่อน (เพราะ order winner คือราคาที่ตีกรอบไว้แล้ว) ถอยเลเซอร์ Xerox กะ Acer ระดับ entry level ไม่สนสเป๊กมาืทำงานออฟฟิศเล่นเครื่องนึง ส่วนไอ้ตี๋นี่ก็ถอย lenovo ได้ core2duo ไปสมใจ (สมใจกูรึเปล่าวะ เชียร์เหลือเกิ๊น) คุณชายแซมก็ถอย Fujitsu มา (ถอยมาก่อนแล้ว แต่วันนี้เอาเครื่องมาเปลี่ยน เพราะเครื่องที่ถอยมันเสียงดัง) ไฮโซสมลุคจริงๆ
----------------------------------------------
จะว่าไป ก็นึกถึงเรื่องที่ไอ้เอกมันเล่าให้ฟังเกี่ยวกับกับแก๊ง P&G ...ขอตั้งชื่อเรื่องว่า
มุขเมโทร สไตล์เด็ก IE P&G
คือถ้าใครรู้จัก IE จุฬารุ่นนี้เนี่ย คงพอจะรู้ว่าความเมโทรเกินหน้าเกินตาภาคอื่นๆเขาขนาดไหน ถ้าคุณสงสัยกรุณาไปถามสาวๆไออี เช่นคุณแวว คุณปองได้ ว่ามีเรื่องให้เม้าท์ได้เยอะ ชนิดเขียนเก็บในสมุึดแชทกูได้ตั้งหลายหน้าอยู่
จะว่าไป สามหนุ่ม IE ที่เข้าไปทำงาน P&G ต่างก็เป็นหนุ่มเมโทรกันคนละด้าน คนนึงนี่ถือว่าเนี้ยบทั้งตัว โดยเฉพาะผมที่เซตเนียนมาอย่างดีไม่มีหลุดให้เห็นสักวัน อีกคนก็เท่ห์ซะสุดๆ ได้ข่าวว่าไป P&G เหมือนเปนนายแบบคอเลคชั่น Abercrombie&Fitch ส่วนอีกคนถึงดูเผินๆจะดูไม่เหนเมโทร แตพวกเครื่องบำรุงรักษาหน้านี่ก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัลลลล
เอาเป็นว่า นี่คือสิ่งทีเ่กิดขึ้นในแก๊ง P&G (Based on true story อาจมีการเสริมเติมแต่งเอาเอง เอามันส์ อ่านเอาขำๆน่า แต่ถ้าไม่ขำก็ไม่เป็นไร 55)
+++++++++++++++++
เรื่องที่ 1
กิจกรรมยามว่างของ ซัน (นามสมมุติ) และ จอร์จ (นามสมมุติ) นอกจากจะมีการแข่งเขียนโลโก้แบรนด์เนมให้ถูกต้องตามหลักกันแล้ว ยังมีการปล่อยมุขแบรนด์เนมเป็นระยะๆกันด้วย
' สงสารคนชื่อ ฟิทช์ จัง'
' ทำไมเหรอ?'
...
' ก็คนไทยเรียกชื่อแต่ อาเบอ น่ะสิ น่าน้อยใจแทน'
'...'
++++++++++++++++++
เรื่องที่ 2
เรื่องมีอยู่ว่า...ทุกคนที่เข้ามาทำงานที่ P&G ต้องใส่ชุดยูนิฟอร์มของบริษัท ซึ่งมีโลโก้ P&G แปะอยู่
ซึ่งทุกอย่างก็ปกติดีจนกระทั่งวันหนึ่ง เมื่อ นส ลอร่า (นามสมมุติ) เดินเข้ามา คุณชายซัน (นามสมมุติ) ก็สังเกตเห็นว่าด้ายที่โลโก้มันหลุดไป เลยกลายเป็นสภาพประมาณนี้
.. ม่ายครับ ม่าย คุณชายซํนไม่ได้ทักว่า 'อ้าว ลอร่า เห็นป่าวว่าด้ายมันหลุด'
ซัน กลับบอกว่า 'อ้าว ลอร่า วันนี้แต่งตัวมาดีจัง'
ลอร่า '!!????'
ซัน 'ก็ใส่เสื้อ D&G... Dolce & Gabbana มาเลยนั่นแหนะ ไฮโซนะเนี่ยยยยยย'
ลอร่า 'อ๋อ แหม ของอย่างนี้มันแน่อยู่แล้วแหละ โฮะๆๆๆ T_T'
หมายเหตุ : (สำหรับผู้ตามมุขไม่ทัน)
เรื่องแรก >> กล่าวพาดพิงถึงแบรนด์เสื้อ Abercrombie & Fitch ซึี่งคนไทยเรียกสั้นๆว่า 'อาเบอ' เสื้อโปโล โลโก้รูปกวางยี่ห้อนี้ มาแรงในหมู่คนไทยมากๆ แต่ดั๊นไม่ยอมเปิดชอปที่เมืองไทยซะที สุดท้ายก็โดนก๊อปเกร่อ ไม่ว่าจะก๊อป JJ หรือว่าแบรนด์เนมอื่นก๊อปทำมั่ง โดยทำของคุณภาพด้อยลงมา และเปลี่ยนโลโก้กวาง เป็นนกบ้าง กวางพันธ์อื่นบ้าง เป็นต้น เรียกกันว่า ที่เห็นเดินกัน 99% ทั่วกรุงเทพน่ะ ของปลอมทั้งนั้น
เรื่องที่ 2 >> D&G เป็นชื่อย่อของแบรนด์เนมห้องเสื้อไฮเอนด์ Dolce & Gabbana แน่นอนว่าทั้งดังและแพง
.... จบ ... (แค่นี้แหละ ไร้สาระดีมะ)
-----------------------------------
เอาล่ะ มาต่อเรื่องเดิมเราต่อ ก็คือ ความจริงตอนแรกวันเสาร์หลังจากคอมมาร์ต กะจะไป Melody of life ที่จัดครั้งที่สองซะหน่อย แต่เพราะว่าแม่งเหนื่อยสัดๆจากการเบียดเสียดผู้คน ก็เลยไปแค่วันอาทิตย์แทน
งานคราวนี้คนก็เยอะขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลยว่ะ จากที่แทบจะไม่มีเลยในครั้งที่แล้ว (ตอนที่ไปดูพี่ก้อ) คราวนีคึกคักขึ้นเยอะ ถึงจะเหม็นบุหรี่บ้างแต่ overall งานนี้ก็ดี มีพวกเด็กแนว(ไปไหน)น้อยกว่างานแฟตละกัน เอาเป็นว่า ยังเป็นงานทีี่ดีน่าเดินละกัน
ไม่ได้เอากล้องไป เพราะน้องเอาหนีไปเที่ยวซะและ ก็เลยไม่มีรูปหรือคลิปวีดีโอมาฝากนะ (มีแต่รูปจากมือถือ) เอาว่า คราวนี้ก็ไปดู Slur ซึ่งพี่เอมวันนี้รู้สึกเหมือนจะแย่งซีนได้อย่างรุนแรง ด้วยการสะบัดหัวอย่างเมามันส์ (สงสัยอยู่ P&G นานไป เลยติดโฆษณาแชมพูมาป่าว) รวมไปถึงท่าชูไม้ตีกลองแล้วผงกหัวหงึๆโยกตามจังหวะเอามันส์ ได้ผลรึเปล่าก็ไม่ทราบ แต่อย่างน้อยก็็ีมีป้ายแฟนคลับมาเชียร์ถึงขอบเวที!!!
แล้วก็ดูพี่โป้ต่อ เหนแล้วก็แอบปลงสังขาร เพราะเด๋วนี้พี่แกมีพุงออฟไซด์อย่างรุนแรง ไอ้ร้องเฉยๆก็ไม่ว่าอะนะ แต่พอจะทำท่าประจำตัว ที่ส่ายๆเด้งๆเนี่ย เด้งทีพุงก็เด้งออกมาที เหนแล้ว -*- มองหน้ากับไอ้คานกันอย่างไม่ได้นัดหมาย ประมาณว่า เอ่อ.... ก่อนจะหันขวับไปมองสาวแว่นที่ด้านซ้าย เป็นการล้างตาครั้งนึงแล้วค่อยกลับมาดูต่อ
ส่วน Moderndog ไม่ได้ดู (ตามเคย) แว้บไปโซ้ย Yayoi แล้วก็เดินย่อยๆๆๆ โฉบดู Cyndi Seui ที่กำลังจะออกอัลบั้มใหม่ ท่าทางจะดี แล้วก็ออกมาดูฟลัวร์ต่อ ซึ่งคราวนี้คนเยอะมาก ได้ดูที่ชายขอบ...ทางเข้า ดูไปดูมานี่ก็ลุ้่นแทบตาย ว่านายคิวจะรอดมั้ยเนี่ย ทุ่มพาวสุดๆ กลัวจะขาดใจตายคาเวที สุดท้ายก็รอดไปได้อย่างหวุดหวิด
จากนั้นระหว่างรอ Tahiti80 เล่น ก็เป็น spydamonky มาเล่นแผ่นคั่นเวลา แต่คือว่า เอ่อ แม่งจะเปิดลำโพงดังไปถึงไหนน่ะ เบสยิงมาทีนึงนี่สั่นไปทุกโมเลกุลในร่างกายจริงๆอะ แสครชทีนี่เอี๊ยดดดดไปทั้งตัว ไอ้คานทนไม่ได้ถึงกับต้องคว้่าหูฟังมาอุดหู แล้วก้มลงไปนั่งยองๆที่พื้น ตอนแรกก็ํนึกว่าพวกกูคงคิดไปเอง เหนคนอื่นก็ยืนดูโยกหัวหงึๆบ้าง หน้าตาไม่เดือดร้อนอะไร ที่ไหนได้ กลับมาบ้าน คุยกับพลอยพีพี คุยกับไอ้เต้ แม่งบ่นห่าเหวด่าเช็ดกันทุกคน ประมาณว่าถ้าแม่งเล่นต่ออีกนาทีกูคงจะตายคาที่ตรงนั้นไปแล้ว
สุดท้ายก็มาถึง Tahiti 80 ซะที ไอ้เราก็ไม่รู้จักอะนะ (เชย) แต่ว่า ไอ้คาน ไอ้แวว (ที่ถึงไม่มาก็ยังยิงมือถือมาฟัง) พลอยพีพี แล้วก็อีกหลายๆคน แสนจะตื่นเต้นอยากดูสุดๆ ซึ่งตอนนั้นก็คิดว่า เออว่ะ มันคงดีจริง เพราะตอนฟลัวร์เล่นเสร็จคนออกไปเยอะมาก แต่พอคนออกไปเยอะ คนก็เข้ากลับมาเยอะเหมือนกันจนน่าตกใจ ก็คือเต็มลานตรงนั้นแหละ น้อยกว่าฟลัวร์หน่อยแต่ก็เยอะพอดู
ฟังไปฟังมา่เรื่อยๆ สรุปว่า ก็ชอบฮะ ใ้ช้ได้เลย
ยังไงก็เหนว่าจะจัด melody of life ครั้งที่ 3 แ่น่ๆ ก็ขอเป็นกำลังใจให้คณะผู้จัดงาน คราวหน้าหาวงดีๆมาเล่นอีกนะคร้าบ จะคอยดู
ว่านี่คือ post ครั้งที่ 501 แล้ว !!!
งงล่ะสิ ว่านี่อัพไปเยอะขนาดนี้เลย!!??
ความจริงไม่หรอก เพราะว่าตอนไปอังกฤษ ที่บ้าอัพทุกสองวัน ครั้งนึงก็รูปเป็นสิบ ไอ้ช่วงนั้น การโพสต์รูปมันจะเป็นแบบหนึ่งรูปต่อหนึ่งโพสต์ เลขก็เลยปั่นขึ้นมาเยอะแบบนี้ แหะๆ
------------------------------------------
เสาร์ที่แล้วไป Commart มากับไอ้อ้อน ไอ้ตี๋ เจอแซม เจอเิอิ๊บ ... คือจะว่าไปมันก็ยกลานเกียร์ไปที่นั่นแหละ คือไอ้ที่ไปเนี่ย กูไม่ได้จะไปซื้ออะไรหรอก แต่มันว่างจัดไง อยู่บ้านก็นอนเฉยๆ ก็ เอาวะ เบียดคนไปช่วยมันเลือก ไม่รู้คิดถูกหรือคิดผิด... คือไม่ใช่เรื่องที่ไปช่วยมันเลือกนะ แต่มันคือเรื่องคนเนี่ยแหละ คนแม่งจะมากไปถึงไหนวะ เบียดกันซะแทบไม่มีรูให้หายใจ แม่งไม่ได้แจกฟรีนะโว้ย จบงานนี้เล่นเอาเหนื่อย + หลอน เมื่อคิดว่างานหนังสือ ถ้าไปเดินจะเปนไง
สรุปว่าทุำกคนก็ถอยโน้ตบุ้คกันคนละเครื่องกันถ้วนหน้า อ้อนมาทีหลังแต่ถอยได้ก่อน (เพราะ order winner คือราคาที่ตีกรอบไว้แล้ว) ถอยเลเซอร์ Xerox กะ Acer ระดับ entry level ไม่สนสเป๊กมาืทำงานออฟฟิศเล่นเครื่องนึง ส่วนไอ้ตี๋นี่ก็ถอย lenovo ได้ core2duo ไปสมใจ (สมใจกูรึเปล่าวะ เชียร์เหลือเกิ๊น) คุณชายแซมก็ถอย Fujitsu มา (ถอยมาก่อนแล้ว แต่วันนี้เอาเครื่องมาเปลี่ยน เพราะเครื่องที่ถอยมันเสียงดัง) ไฮโซสมลุคจริงๆ
----------------------------------------------
จะว่าไป ก็นึกถึงเรื่องที่ไอ้เอกมันเล่าให้ฟังเกี่ยวกับกับแก๊ง P&G ...ขอตั้งชื่อเรื่องว่า
มุขเมโทร สไตล์เด็ก IE P&G
คือถ้าใครรู้จัก IE จุฬารุ่นนี้เนี่ย คงพอจะรู้ว่าความเมโทรเกินหน้าเกินตาภาคอื่นๆเขาขนาดไหน ถ้าคุณสงสัยกรุณาไปถามสาวๆไออี เช่นคุณแวว คุณปองได้ ว่ามีเรื่องให้เม้าท์ได้เยอะ ชนิดเขียนเก็บในสมุึดแชทกูได้ตั้งหลายหน้าอยู่
จะว่าไป สามหนุ่ม IE ที่เข้าไปทำงาน P&G ต่างก็เป็นหนุ่มเมโทรกันคนละด้าน คนนึงนี่ถือว่าเนี้ยบทั้งตัว โดยเฉพาะผมที่เซตเนียนมาอย่างดีไม่มีหลุดให้เห็นสักวัน อีกคนก็เท่ห์ซะสุดๆ ได้ข่าวว่าไป P&G เหมือนเปนนายแบบคอเลคชั่น Abercrombie&Fitch ส่วนอีกคนถึงดูเผินๆจะดูไม่เหนเมโทร แตพวกเครื่องบำรุงรักษาหน้านี่ก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัลลลล
เอาเป็นว่า นี่คือสิ่งทีเ่กิดขึ้นในแก๊ง P&G (Based on true story อาจมีการเสริมเติมแต่งเอาเอง เอามันส์ อ่านเอาขำๆน่า แต่ถ้าไม่ขำก็ไม่เป็นไร 55)
+++++++++++++++++
เรื่องที่ 1
กิจกรรมยามว่างของ ซัน (นามสมมุติ) และ จอร์จ (นามสมมุติ) นอกจากจะมีการแข่งเขียนโลโก้แบรนด์เนมให้ถูกต้องตามหลักกันแล้ว ยังมีการปล่อยมุขแบรนด์เนมเป็นระยะๆกันด้วย
' สงสารคนชื่อ ฟิทช์ จัง'
' ทำไมเหรอ?'
...
' ก็คนไทยเรียกชื่อแต่ อาเบอ น่ะสิ น่าน้อยใจแทน'
'...'
++++++++++++++++++
เรื่องที่ 2
เรื่องมีอยู่ว่า...ทุกคนที่เข้ามาทำงานที่ P&G ต้องใส่ชุดยูนิฟอร์มของบริษัท ซึ่งมีโลโก้ P&G แปะอยู่
ซึ่งทุกอย่างก็ปกติดีจนกระทั่งวันหนึ่ง เมื่อ นส ลอร่า (นามสมมุติ) เดินเข้ามา คุณชายซัน (นามสมมุติ) ก็สังเกตเห็นว่าด้ายที่โลโก้มันหลุดไป เลยกลายเป็นสภาพประมาณนี้
.. ม่ายครับ ม่าย คุณชายซํนไม่ได้ทักว่า 'อ้าว ลอร่า เห็นป่าวว่าด้ายมันหลุด'
ซัน กลับบอกว่า 'อ้าว ลอร่า วันนี้แต่งตัวมาดีจัง'
ลอร่า '!!????'
ซัน 'ก็ใส่เสื้อ D&G... Dolce & Gabbana มาเลยนั่นแหนะ ไฮโซนะเนี่ยยยยยย'
ลอร่า 'อ๋อ แหม ของอย่างนี้มันแน่อยู่แล้วแหละ โฮะๆๆๆ T_T'
หมายเหตุ : (สำหรับผู้ตามมุขไม่ทัน)
เรื่องแรก >> กล่าวพาดพิงถึงแบรนด์เสื้อ Abercrombie & Fitch ซึี่งคนไทยเรียกสั้นๆว่า 'อาเบอ' เสื้อโปโล โลโก้รูปกวางยี่ห้อนี้ มาแรงในหมู่คนไทยมากๆ แต่ดั๊นไม่ยอมเปิดชอปที่เมืองไทยซะที สุดท้ายก็โดนก๊อปเกร่อ ไม่ว่าจะก๊อป JJ หรือว่าแบรนด์เนมอื่นก๊อปทำมั่ง โดยทำของคุณภาพด้อยลงมา และเปลี่ยนโลโก้กวาง เป็นนกบ้าง กวางพันธ์อื่นบ้าง เป็นต้น เรียกกันว่า ที่เห็นเดินกัน 99% ทั่วกรุงเทพน่ะ ของปลอมทั้งนั้น
เรื่องที่ 2 >> D&G เป็นชื่อย่อของแบรนด์เนมห้องเสื้อไฮเอนด์ Dolce & Gabbana แน่นอนว่าทั้งดังและแพง
.... จบ ... (แค่นี้แหละ ไร้สาระดีมะ)
-----------------------------------
เอาล่ะ มาต่อเรื่องเดิมเราต่อ ก็คือ ความจริงตอนแรกวันเสาร์หลังจากคอมมาร์ต กะจะไป Melody of life ที่จัดครั้งที่สองซะหน่อย แต่เพราะว่าแม่งเหนื่อยสัดๆจากการเบียดเสียดผู้คน ก็เลยไปแค่วันอาทิตย์แทน
งานคราวนี้คนก็เยอะขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลยว่ะ จากที่แทบจะไม่มีเลยในครั้งที่แล้ว (ตอนที่ไปดูพี่ก้อ) คราวนีคึกคักขึ้นเยอะ ถึงจะเหม็นบุหรี่บ้างแต่ overall งานนี้ก็ดี มีพวกเด็กแนว(ไปไหน)น้อยกว่างานแฟตละกัน เอาเป็นว่า ยังเป็นงานทีี่ดีน่าเดินละกัน
ไม่ได้เอากล้องไป เพราะน้องเอาหนีไปเที่ยวซะและ ก็เลยไม่มีรูปหรือคลิปวีดีโอมาฝากนะ (มีแต่รูปจากมือถือ) เอาว่า คราวนี้ก็ไปดู Slur ซึ่งพี่เอมวันนี้รู้สึกเหมือนจะแย่งซีนได้อย่างรุนแรง ด้วยการสะบัดหัวอย่างเมามันส์ (สงสัยอยู่ P&G นานไป เลยติดโฆษณาแชมพูมาป่าว) รวมไปถึงท่าชูไม้ตีกลองแล้วผงกหัวหงึๆโยกตามจังหวะเอามันส์ ได้ผลรึเปล่าก็ไม่ทราบ แต่อย่างน้อยก็็ีมีป้ายแฟนคลับมาเชียร์ถึงขอบเวที!!!
แล้วก็ดูพี่โป้ต่อ เหนแล้วก็แอบปลงสังขาร เพราะเด๋วนี้พี่แกมีพุงออฟไซด์อย่างรุนแรง ไอ้ร้องเฉยๆก็ไม่ว่าอะนะ แต่พอจะทำท่าประจำตัว ที่ส่ายๆเด้งๆเนี่ย เด้งทีพุงก็เด้งออกมาที เหนแล้ว -*- มองหน้ากับไอ้คานกันอย่างไม่ได้นัดหมาย ประมาณว่า เอ่อ.... ก่อนจะหันขวับไปมองสาวแว่นที่ด้านซ้าย เป็นการล้างตาครั้งนึงแล้วค่อยกลับมาดูต่อ
ส่วน Moderndog ไม่ได้ดู (ตามเคย) แว้บไปโซ้ย Yayoi แล้วก็เดินย่อยๆๆๆ โฉบดู Cyndi Seui ที่กำลังจะออกอัลบั้มใหม่ ท่าทางจะดี แล้วก็ออกมาดูฟลัวร์ต่อ ซึ่งคราวนี้คนเยอะมาก ได้ดูที่ชายขอบ...ทางเข้า ดูไปดูมานี่ก็ลุ้่นแทบตาย ว่านายคิวจะรอดมั้ยเนี่ย ทุ่มพาวสุดๆ กลัวจะขาดใจตายคาเวที สุดท้ายก็รอดไปได้อย่างหวุดหวิด
จากนั้นระหว่างรอ Tahiti80 เล่น ก็เป็น spydamonky มาเล่นแผ่นคั่นเวลา แต่คือว่า เอ่อ แม่งจะเปิดลำโพงดังไปถึงไหนน่ะ เบสยิงมาทีนึงนี่สั่นไปทุกโมเลกุลในร่างกายจริงๆอะ แสครชทีนี่เอี๊ยดดดดไปทั้งตัว ไอ้คานทนไม่ได้ถึงกับต้องคว้่าหูฟังมาอุดหู แล้วก้มลงไปนั่งยองๆที่พื้น ตอนแรกก็ํนึกว่าพวกกูคงคิดไปเอง เหนคนอื่นก็ยืนดูโยกหัวหงึๆบ้าง หน้าตาไม่เดือดร้อนอะไร ที่ไหนได้ กลับมาบ้าน คุยกับพลอยพีพี คุยกับไอ้เต้ แม่งบ่นห่าเหวด่าเช็ดกันทุกคน ประมาณว่าถ้าแม่งเล่นต่ออีกนาทีกูคงจะตายคาที่ตรงนั้นไปแล้ว
สุดท้ายก็มาถึง Tahiti 80 ซะที ไอ้เราก็ไม่รู้จักอะนะ (เชย) แต่ว่า ไอ้คาน ไอ้แวว (ที่ถึงไม่มาก็ยังยิงมือถือมาฟัง) พลอยพีพี แล้วก็อีกหลายๆคน แสนจะตื่นเต้นอยากดูสุดๆ ซึ่งตอนนั้นก็คิดว่า เออว่ะ มันคงดีจริง เพราะตอนฟลัวร์เล่นเสร็จคนออกไปเยอะมาก แต่พอคนออกไปเยอะ คนก็เข้ากลับมาเยอะเหมือนกันจนน่าตกใจ ก็คือเต็มลานตรงนั้นแหละ น้อยกว่าฟลัวร์หน่อยแต่ก็เยอะพอดู
ฟังไปฟังมา่เรื่อยๆ สรุปว่า ก็ชอบฮะ ใ้ช้ได้เลย
ยังไงก็เหนว่าจะจัด melody of life ครั้งที่ 3 แ่น่ๆ ก็ขอเป็นกำลังใจให้คณะผู้จัดงาน คราวหน้าหาวงดีๆมาเล่นอีกนะคร้าบ จะคอยดู
ในที่สุดก็ได้ไปจันท์ ^^
ไปตั้งแต่เมื่อวานและ ค้างหนึ่งคืน สรุปว่า ซ่อมแอร์ เปลี่ยนคอมตอนเช้าก็เสร็จ พอบ่ายก็ออกเดินทางเลย ค้างที่สวนหนึ่งคืน แล้วค่อยกลับมาไหว้ (เชงเม้ง) ตอนขากลับ
ปรากฏว่า วันนี้พายุึฤดูร้อนเข้า ฝนตก หยุดๆ ตกๆ หยุดๆ ตก ตลอดทาง ไม่ได้ตกนิดสๆนะ ตกแบบซู่ บางช่วงแทบมองไม่เห็นทางซะงั้นน่ะ
ออกบ่ายโมง ไปถึงก็ห้าโมงกว่าๆ
กลายเป็นว่า เพราะฝนตกเนี่ยแหละ ทำให้ที่สวนคุณลุงเนี่ย เย็นสบายยยยย สุดๆ 25 องศาโดยไม่ต้องเปิดแอร์หรือพัดลม ลัลล้าาาาาาาาา ~_~
ยังมีเวลาอีกนิดหน่อยก่อนมืด เลยออกไปดูสวน คราวก่อนโน้นนนนน ไปเก็บมะนาวใ่ช่มะ คราวนี้
ไปเก็บ 'มะยมชิด' กันแทน
แล้วก็ถึงเวลาข้าวเย็น อร่อยเหมือนเดิม 555 ก่อนจะนอนดูทีวีอย่างสบายใจเฉิบ วันนี้ซัดไขมันไปเท่าไหร่ก็ไม่รู้ เพราะตอนเดินตลาดก่อนเข้าสวนก็ซัดขนมครก ไส้อั่ว เข้าไปเท่าไหร่ก็ไม่รู้ ไหนอาหารเย็นจะมีห่อหมกอีก พอดูทีวีก็ซัดเลย์ไปหนึ่งถุงใหญ่ วุ้นมะพร้าว (ชั้นกะทิหนาเข้มข้น) กะข้าวเหนียวกะทิถั่วแดงไปอีกอย่างละชิ้น
อืมมมม หาเรื่องชิลใส่ตัวจริงจริ๊งงงง ดูทีวีได้หน่อยนึงก็โคตรง่วงและ อากาศแม่งน่านอนสุดๆ สรุปว่าเมื่อคืนนอนได้โดยไม่ต้องเปิดแอร์หรือพัดลม เพราะเย็นจัด
เช้านี้ตื่นมาไม่ได้อยากกลับเล้ยยยยยย อากาศดีจนอยากอยู่ต่ออีกวันจัง +_+ แต่ทำไงได้ ยังไงก็ต้องกลับวันนี้ สภาพอากาศนี่ฝนคงตกปรอยๆไปอีกทั้งวัน เพราะฟ้ามัวเหลือเกิน กระทั่งตอนไปไหว้ ฝนก็ยังตกนิดสๆ ก็เลยกลายเป็นเชงเม้งที่บรรยากาศประหลาดที่สุด ยังดีที่ฝนไม่ได้ตกมากตอนไหว้ เลยเผากระดาษอะไรได้เรียบร้อย ไม่งั้นก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่าจะทำไง !?
จะว่าไปไอ้ความชิลนี่... ส่วนนึงก็คงขึ้นกับฝีมือการแต่งบ้านของคุณลุงคุณป้าล่ะมั้ง ทำบ้านได้ออกมาน่านอนอะไรอย่างนี้้ ( *_* ) Zzzz
...แล้วในที่สุดก็กลับมากรุงเทพอีกครั้ง (กลับสู่โลกแห่งความจริง) ที่ถึงฟ้าจะครึ้มๆ แต่อากาศก็แย่เหมือนเดิม แถมคืนนี้เกรดก็ออกอีก (เดีั๋ยวคงได้อัพบล็อกรับเกรดเทอมปลายอีกแน่ๆ) แล้วอีกสองวันก็ต้องฝึกงานและ ฟังคนอื่นเม้าท์มามาก ชักตื่นเต้นว่าจะเป็นไงว้า
ไปเก็บ 'มะยมชิด' กันแทน
แล้วก็ถึงเวลาข้าวเย็น อร่อยเหมือนเดิม 555 ก่อนจะนอนดูทีวีอย่างสบายใจเฉิบ วันนี้ซัดไขมันไปเท่าไหร่ก็ไม่รู้ เพราะตอนเดินตลาดก่อนเข้าสวนก็ซัดขนมครก ไส้อั่ว เข้าไปเท่าไหร่ก็ไม่รู้ ไหนอาหารเย็นจะมีห่อหมกอีก พอดูทีวีก็ซัดเลย์ไปหนึ่งถุงใหญ่ วุ้นมะพร้าว (ชั้นกะทิหนาเข้มข้น) กะข้าวเหนียวกะทิถั่วแดงไปอีกอย่างละชิ้น
อืมมมม หาเรื่องชิลใส่ตัวจริงจริ๊งงงง ดูทีวีได้หน่อยนึงก็โคตรง่วงและ อากาศแม่งน่านอนสุดๆ สรุปว่าเมื่อคืนนอนได้โดยไม่ต้องเปิดแอร์หรือพัดลม เพราะเย็นจัด
เช้านี้ตื่นมาไม่ได้อยากกลับเล้ยยยยยย อากาศดีจนอยากอยู่ต่ออีกวันจัง +_+ แต่ทำไงได้ ยังไงก็ต้องกลับวันนี้ สภาพอากาศนี่ฝนคงตกปรอยๆไปอีกทั้งวัน เพราะฟ้ามัวเหลือเกิน กระทั่งตอนไปไหว้ ฝนก็ยังตกนิดสๆ ก็เลยกลายเป็นเชงเม้งที่บรรยากาศประหลาดที่สุด ยังดีที่ฝนไม่ได้ตกมากตอนไหว้ เลยเผากระดาษอะไรได้เรียบร้อย ไม่งั้นก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่าจะทำไง !?
จะว่าไปไอ้ความชิลนี่... ส่วนนึงก็คงขึ้นกับฝีมือการแต่งบ้านของคุณลุงคุณป้าล่ะมั้ง ทำบ้านได้ออกมาน่านอนอะไรอย่างนี้้ ( *_* ) Zzzz
(ขอเห่อ K610i ที่เพิ่งถอยมาหน่อย ลองโหมดพาโน เสียดายที่แสงน้อยเพราะฝนตกทั้งวัน เลยได้ออกมาแบบเนี้ยะ)
...แล้วในที่สุดก็กลับมากรุงเทพอีกครั้ง (กลับสู่โลกแห่งความจริง) ที่ถึงฟ้าจะครึ้มๆ แต่อากาศก็แย่เหมือนเดิม แถมคืนนี้เกรดก็ออกอีก (เดีั๋ยวคงได้อัพบล็อกรับเกรดเทอมปลายอีกแน่ๆ) แล้วอีกสองวันก็ต้องฝึกงานและ ฟังคนอื่นเม้าท์มามาก ชักตื่นเต้นว่าจะเป็นไงว้า
(คำเตือน : entry นี้ เป็นบล็อกบ่นเรื่อยเปื่อย ไม่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่าน(เกือบทุกคน)ที่ขี้เกียจอ่านอะไรยาวๆ ...)
ความไม่แน่นอนคือความแน่นอน
ถ้าทุกอย่างเป็นไปอย่างแน่นอน ป่านนี้เราคงนั่งดูหนังอยู่ที่สวนแถวเขาสอยดาว จันทบุรีไปแล้วล่ะ
กลายเป็นว่า ตอนนี้มานั่งอัพบล็อกแทนซะงั้น
...แอร์ดับ ...หน้าปัดชี้ไปที่เลข 0 หมด (ความเร็ว, รอบ, ความร้อน) ... ที่แย่ก็คือ กระจกไฟฟ้าก็เลื่อนเปิดไม่ได้
สุดท้ายก็ต้องลงไปจอดที่ปั๊มเจ็ท (ดีที่เป็นปั๊มเจ็ทนะเนี่ย)
เนื่องจากเป็นเช้าวันอาทิตย์ กว่าจะโทรตามช่างมาได้ก็โน่นนน แปดโมงครึ่งมั้ง (ออกจากบ้านหกโมง รถเสียประมาณหกโมงสี่สิบ) ดีที่อยู่ปั๊มเจ็ท เลยเข้าไปซื้อของกิน ซื้อหนังสือพิมพ์ แล้วก็ไปนั่งแหมะอยู่ที่ร้านบ้านใร่กาแฟ คว้าเอาหนังสือ Toyota Way ที่ตอนซื้อมาก็คึึกเหลือเกิ๊น แต่พออ่านแล้ว... กว่าจะผ่านไปสิบหน้า หนักสมองเหลือหลาย องค์กรอะไรมันจะมีประสิทธิภาพ บ้าพลังทำงานได้ขนาดนั้นเนี่ย สมแล้วที่จะแซงหน้า GM เป็นผู้ผลิตอันดับหนึ่งของโลกในเร็วๆนี้
นั่งอ่านอยู่ดีๆก็เหลือบไปเห็น... อ่าว เพื่อนตี๋นี่หว่า วันนี้ก็มาไหว้เหมือนกันแฮะ แวะมาเข้าห้องน้ำ คุยแปร๊บๆ แล้วก็เดินทางต่อไป ส่วนเราก็กลับมานั่งอ่านไปเรื่อยๆ
สรุปว่าแอร์มันเสีย เลยชอต ทำให้ฟิวส์ขาด ระบบไฟเลยดับ ก็เลยเอาฟิวส์ใหม่มายัดใส่ก่อน แต่ว่าแอร์ก็ยังเสียเหมือนเิดิม แน่น้อนน ว่าต้องกลับบ้าน แผนไปจันทเลยต้องพับไว้ก่อนด้วยประการฉะนี้
หลังจากกินฮะจิบัง (น่าน)เป็นมื้อเที่ยงเรียบร้อย อยู่ดีๆก็นึกขึ้นได้ ไหนๆก็ว่างแล้ว ไปดู flushed away ดีกว่า ถ้าขืนรอคนไปด้วยสงสัยไม่ได้ไปสักที งานนี้เลยขอฉายเดี่ยว (น้องมันก็ไป NZ ซะแล้ว เหลือตรูคนเดียวนี่นา)
เช็ครอบในเนตเรียบร้อย Esplanade 14.05 ตอนนั้นก็บ่ายนิดๆ เลยรีบออกไปขึ้นรถใต้ดิน ระหว่างเดินอยู่ไม่รู้มีลางสังหรณ์อะไร โทรไปเช็ค movie line ปรากฏว่าแม่งไม่มีรอบบ่ายสอง กลายเป็นหกโมงซะงั้น ฮ่วย! เกลียดโรงหนังเครือนี้ชะมัด เสียดาย APEX ไม่ได้ฉาย ไม่งั้นคงไม่ต้องปวดหัวเงี้ยะ
เช็คไปๆมาๆ เลยได้การว่า SFW (โรง SF ที่ Central World) ฉายรอบบ่ายสาม ก็เลยได้โอกาสไปโคตรชอปปิ้งมอลแห่งนี้อีกครั้ง... บอกแล้วว่าเอาอะไรแน่นอนกับชีวิตไม่ได้
ไม่รู้เป็นอะไร ไป CTW ทีไรรู้สึกทึ่งกับความมหึมาของห้างนี้ทุกที น่าจะสลับทำเลกันกับ Paragon เพราะเอาเข้าจริงแล้วน่าเดินกว่าเยอะมาก ไม่ได้พยายามกระแดะทำหรู สรรหาศัพท์อังกฤษประหลาดๆ มาพรรณาความเริ่ดหรูของห้างตัวเอง (phenomenon... pride... ultimate... the refined entertainment civilization... มันดูแก่แดดยังไงก็ไม่รู้ว่ะ)
สำหรับโรง โรง SFW ถึงแม้โถงข้างหน้าแคบๆไปหน่อย เอาเข้าจริงพอปีนบัีนไดเลื่อนขึ้นไปนี่ใหญ่ใช่เล่น ตกแต่งสไตล์โมเดิร์นแบบ minimalism แทน พื้นเปลี่ยนจากพรมเป็นแกรนิตด้านสลับขัดมัน ผ้าม่านในโรงก็เปลี่ยนเป็นตระแกรงเหล็กแบบ modern... เอาเหอะ ขี้เกียจบรรยาย สรุปว่ากูชอบละกัน ออกแบบดี เก้าอี้ก็ดี ไม่ได้นิ่มยวบยาบเกินไป ที่สำคัญคือ แถวทั้งแถวเป็นของเราคนเดียว (คนน้อย) 555
ฉะนั้น ถ้าใครที่คิดว่า 140 ไม่ได้แพงเกินไป แล้วอยากดูโรงดีๆ คนไม่เยอะมาก (และมีแรงเดินมาถึง) นี่เป็นอีกตัวเลือกที่ดีนะ
สำหรับเรื่องนี้ก็ไม่ได้คิดอะไรมากก่อนดูอยู่แล้ว ถ้าจะว่าไปความสนุกมันก็สู้ Shrek หรืออะไรพวกนี้ไม่ได้ แต่มันก็เป็นมุขสไตล์อังกฤษๆ ที่แอบกัดเจ็บๆซึุ่งถ้าสังเกตดูีดีๆ มันก็มีเยอะใช้ได้ อยุ่ที่ว่าจะเกทรึเปล่าเท่านั้นเอง ก็ดูเพลินๆ สบายๆ สไตล์หนังของอาร์ดแมน สำเนีียงอังกฤษถึงจะไม่ได้ผู้ดีรื่นหูแบบ the Queen แต่เรื่องนี้ก็ฟังสบายๆ ถ้าบางช่วงไม่อยากอ่านซับ
สรุปว่าไอ้พีทพูดถูก หนังแบบนี้ชอบครับ สำหรับ Flushed Away ให้ไปคะแนน 7/10
สำหรับเรื่องอื่นๆที่เพิ่งดูมา ไหนๆและให้คะแนนหน่อย เป็นคะแนนโดยอารมณ์เป็นหลัก ไม่ค่อยสนหรอกว่าใครเล่นดีเล่นแย่ 55
Copying Beethoven : 4 (โทษฐานที่แอบน่าเบื่อ และไม่รุ้ว่าต้องการจะสื่ออะไรกันแน่ ดีที่ได้ความเพราะของดนตรีคลาสสิคมาดึงคะแนนไว้)
The Queen : 8 (+ พิเศษให้อีก .5 เป็น 8.5 จากสำเนียงที่แสนจะรื่นหู ผู้ดี๊ ผู้ดี)
ตำนานนเรศวร2 : 4 (ความจริงจะให้แค่ 3 แต่เพราะความตระการตา และความละเมียดของแสงสี ที่หนังไทยเรื่องอื่นเทียบติดยาก เลย + ใ้ห้ 1 แต่สรุปแล้ว ก็ไม่้ชอบอยู่ดี เพราะแอบน่าเบื่อ และดูไม่รุ้เรื่อง ตัดต่อห่วย ปัญหาเดิมๆแบบสุริโยทัย)
วาร์ปกลับไปหลังดูหนังจบ ด้วยความหิวเลยเดินเข้าไปซื้อเบเกอรี่ในซุปเปอร์กิน ก็เพิ่งรู้เหมือนกันแหละ ว่ามันมีโซนให้นั่งทานของพวกนี้ได้ แถมเป็นเก้าอี้ใหญ่ๆสบายๆแบบสตาบั๊กด้วยล่ะสิ ได้ทีเลยนั่งชิล สถิตย์อยู่ตรงนั้นสักพัก ก่อนจะไปเดินเล่นต่อ ... ไหนๆวันนี้ก็ชิลมาทั้งบ่ายแล้วหนิ
เดินไปเดินมาสุดท้ายก็แวะไป B2S ซื้อ KI kitara จนได้... ก็เพราะได้ไปฟังเพลงใน iPod ของ TK Park เนี่ยแหละ แต่กว่าจะซื้อได้เนี่ย เล่นเอางงไปใ่ช่เล่น ...กับคลื่นมหาชนที่ออกันเต็มระเบียบ B2S พร้อมเสียงกรี๊ดกร๊าด กับความพยายามยื้ิอแย่งถ่ายรูปที่ดูเอาแล้ว แมร่งงง ไม่กลัวตกลงมาตายบ้างเลยเหรอวะ ระเบียงกระจกทั้งนั้น
สรุปก็คือวัีนนี้ PARAN มา เท่านั้นแหละ
กลายเป็นว่า ตอนนี้มานั่งอัพบล็อกแทนซะงั้น
---------------------------
I
never expected - the accident
จริงๆแล้ว วันนี้ต้องไปเชงเม้งที่จันทบุรีนู่น แต่ปรากฏว่า ตอนวิ่งอยู่บนด่วนบางนาอยู่ดีๆ สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นI
never expected - the accident
...แอร์ดับ ...หน้าปัดชี้ไปที่เลข 0 หมด (ความเร็ว, รอบ, ความร้อน) ... ที่แย่ก็คือ กระจกไฟฟ้าก็เลื่อนเปิดไม่ได้
สุดท้ายก็ต้องลงไปจอดที่ปั๊มเจ็ท (ดีที่เป็นปั๊มเจ็ทนะเนี่ย)
เนื่องจากเป็นเช้าวันอาทิตย์ กว่าจะโทรตามช่างมาได้ก็โน่นนน แปดโมงครึ่งมั้ง (ออกจากบ้านหกโมง รถเสียประมาณหกโมงสี่สิบ) ดีที่อยู่ปั๊มเจ็ท เลยเข้าไปซื้อของกิน ซื้อหนังสือพิมพ์ แล้วก็ไปนั่งแหมะอยู่ที่ร้านบ้านใร่กาแฟ คว้าเอาหนังสือ Toyota Way ที่ตอนซื้อมาก็คึึกเหลือเกิ๊น แต่พออ่านแล้ว... กว่าจะผ่านไปสิบหน้า หนักสมองเหลือหลาย องค์กรอะไรมันจะมีประสิทธิภาพ บ้าพลังทำงานได้ขนาดนั้นเนี่ย สมแล้วที่จะแซงหน้า GM เป็นผู้ผลิตอันดับหนึ่งของโลกในเร็วๆนี้
นั่งอ่านอยู่ดีๆก็เหลือบไปเห็น... อ่าว เพื่อนตี๋นี่หว่า วันนี้ก็มาไหว้เหมือนกันแฮะ แวะมาเข้าห้องน้ำ คุยแปร๊บๆ แล้วก็เดินทางต่อไป ส่วนเราก็กลับมานั่งอ่านไปเรื่อยๆ
สรุปว่าแอร์มันเสีย เลยชอต ทำให้ฟิวส์ขาด ระบบไฟเลยดับ ก็เลยเอาฟิวส์ใหม่มายัดใส่ก่อน แต่ว่าแอร์ก็ยังเสียเหมือนเิดิม แน่น้อนน ว่าต้องกลับบ้าน แผนไปจันทเลยต้องพับไว้ก่อนด้วยประการฉะนี้
---------------------------
II
unreliable timetable
กลับบ้านมาด้วยความรู้สึกแปลกๆ อุตส่าห์เตรียมใจไปตจว แล้ว อยู่ดีๆกลับมาที่บ้านเฉยซะงั้น เปิดทีวีดู Cooking Showdown ราเมงซุปงาดำน่ากินโคตรๆ ไปแพ้อุด้งซุปแกงกระหรี่ได้ไงวะเนี่ยII
unreliable timetable
หลังจากกินฮะจิบัง (น่าน)เป็นมื้อเที่ยงเรียบร้อย อยู่ดีๆก็นึกขึ้นได้ ไหนๆก็ว่างแล้ว ไปดู flushed away ดีกว่า ถ้าขืนรอคนไปด้วยสงสัยไม่ได้ไปสักที งานนี้เลยขอฉายเดี่ยว (น้องมันก็ไป NZ ซะแล้ว เหลือตรูคนเดียวนี่นา)
เช็ครอบในเนตเรียบร้อย Esplanade 14.05 ตอนนั้นก็บ่ายนิดๆ เลยรีบออกไปขึ้นรถใต้ดิน ระหว่างเดินอยู่ไม่รู้มีลางสังหรณ์อะไร โทรไปเช็ค movie line ปรากฏว่าแม่งไม่มีรอบบ่ายสอง กลายเป็นหกโมงซะงั้น ฮ่วย! เกลียดโรงหนังเครือนี้ชะมัด เสียดาย APEX ไม่ได้ฉาย ไม่งั้นคงไม่ต้องปวดหัวเงี้ยะ
เช็คไปๆมาๆ เลยได้การว่า SFW (โรง SF ที่ Central World) ฉายรอบบ่ายสาม ก็เลยได้โอกาสไปโคตรชอปปิ้งมอลแห่งนี้อีกครั้ง... บอกแล้วว่าเอาอะไรแน่นอนกับชีวิตไม่ได้
ไม่รู้เป็นอะไร ไป CTW ทีไรรู้สึกทึ่งกับความมหึมาของห้างนี้ทุกที น่าจะสลับทำเลกันกับ Paragon เพราะเอาเข้าจริงแล้วน่าเดินกว่าเยอะมาก ไม่ได้พยายามกระแดะทำหรู สรรหาศัพท์อังกฤษประหลาดๆ มาพรรณาความเริ่ดหรูของห้างตัวเอง (phenomenon... pride... ultimate... the refined entertainment civilization... มันดูแก่แดดยังไงก็ไม่รู้ว่ะ)
สำหรับโรง โรง SFW ถึงแม้โถงข้างหน้าแคบๆไปหน่อย เอาเข้าจริงพอปีนบัีนไดเลื่อนขึ้นไปนี่ใหญ่ใช่เล่น ตกแต่งสไตล์โมเดิร์นแบบ minimalism แทน พื้นเปลี่ยนจากพรมเป็นแกรนิตด้านสลับขัดมัน ผ้าม่านในโรงก็เปลี่ยนเป็นตระแกรงเหล็กแบบ modern... เอาเหอะ ขี้เกียจบรรยาย สรุปว่ากูชอบละกัน ออกแบบดี เก้าอี้ก็ดี ไม่ได้นิ่มยวบยาบเกินไป ที่สำคัญคือ แถวทั้งแถวเป็นของเราคนเดียว (คนน้อย) 555
ฉะนั้น ถ้าใครที่คิดว่า 140 ไม่ได้แพงเกินไป แล้วอยากดูโรงดีๆ คนไม่เยอะมาก (และมีแรงเดินมาถึง) นี่เป็นอีกตัวเลือกที่ดีนะ
---------------------------
comments on 'Flushed Away'
comments on 'Flushed Away'
สำหรับเรื่องนี้ก็ไม่ได้คิดอะไรมากก่อนดูอยู่แล้ว ถ้าจะว่าไปความสนุกมันก็สู้ Shrek หรืออะไรพวกนี้ไม่ได้ แต่มันก็เป็นมุขสไตล์อังกฤษๆ ที่แอบกัดเจ็บๆซึุ่งถ้าสังเกตดูีดีๆ มันก็มีเยอะใช้ได้ อยุ่ที่ว่าจะเกทรึเปล่าเท่านั้นเอง ก็ดูเพลินๆ สบายๆ สไตล์หนังของอาร์ดแมน สำเนีียงอังกฤษถึงจะไม่ได้ผู้ดีรื่นหูแบบ the Queen แต่เรื่องนี้ก็ฟังสบายๆ ถ้าบางช่วงไม่อยากอ่านซับ
สรุปว่าไอ้พีทพูดถูก หนังแบบนี้ชอบครับ สำหรับ Flushed Away ให้ไปคะแนน 7/10
สำหรับเรื่องอื่นๆที่เพิ่งดูมา ไหนๆและให้คะแนนหน่อย เป็นคะแนนโดยอารมณ์เป็นหลัก ไม่ค่อยสนหรอกว่าใครเล่นดีเล่นแย่ 55
Copying Beethoven : 4 (โทษฐานที่แอบน่าเบื่อ และไม่รุ้ว่าต้องการจะสื่ออะไรกันแน่ ดีที่ได้ความเพราะของดนตรีคลาสสิคมาดึงคะแนนไว้)
The Queen : 8 (+ พิเศษให้อีก .5 เป็น 8.5 จากสำเนียงที่แสนจะรื่นหู ผู้ดี๊ ผู้ดี)
ตำนานนเรศวร2 : 4 (ความจริงจะให้แค่ 3 แต่เพราะความตระการตา และความละเมียดของแสงสี ที่หนังไทยเรื่องอื่นเทียบติดยาก เลย + ใ้ห้ 1 แต่สรุปแล้ว ก็ไม่้ชอบอยู่ดี เพราะแอบน่าเบื่อ และดูไม่รุ้เรื่อง ตัดต่อห่วย ปัญหาเดิมๆแบบสุริโยทัย)
---------------------------
III
surprisingly cool - TK PARK
III
surprisingly cool - TK PARK
ความจริงช่วงรอหนังฉาย มีเวลาประมาณชั่วโมง เลยสบโอกาสขึ้นไปเซอร์เวย์ดู TK PARK ครั้งแรก(หลัีงจากย้ายมาเปิดบนชั้น 8) ต้องขอชมจริงๆว่า ทำได้ดีมาก เป็นหน้าเป็นตาประเทศได้เลยนะเนี่ย อยากให้หอกลาง หรือห้องสมุดอีกหลายๆแห่งในประเทศเป็นแบบนี้จัง ยังไงก็ต้องขอบคุณผู้ริเริ่มโครงการนี้ ใครจะว่าไงก็ไม่รุ้แหละ แต่เด็กๆดูมีความสุขกันทั้งนั้น เพราะนอกจากจะมีหนังสือแล้ว ที่นี่ยังมีห้องสมุดเด็ก ตกแต่งมาอย่างดีให้เด็กได้ปีนป่าย บรรยากาศสบายๆ มีคอมพิวเตอร์ระบบ interactive เก็บ e-book, ห้องสมุดดนตรี ซึ่งเจ๋งใช้ได้เลย หรือจะเล่นเนตก็ได้, มี iPod พร้อมจอ LCD ขนาดเล็ก ให้ได้ฟังเพลง ดูวีดีโอให้บริการ, มีลานกิจกรรม ซึ่งวันนี้ที่ไปก็เห็นมีสอนทำแซนวิช ทำโน่นทำนี่ มีนิทรรศการต่างๆ ซึ่งออกมาดูดีจัง บรรยากาศก็โปร่งๆสไตล์ Central World, อย่างไอ้ตรงจุดที่ฟัง iPod มองออกไปก็เป็นวิววัดปทุม กะ Paragon โคตรจะชิลเลย
สรุปว่า ใครที่ไม่เคยไป ถ้าผ่านมาแถวนี้และมีเวลาว่างๆ ก็น่าจะขึ้นไปดูบ้างนะ
สรุปว่า ใครที่ไม่เคยไป ถ้าผ่านมาแถวนี้และมีเวลาว่างๆ ก็น่าจะขึ้นไปดูบ้างนะ
---------------------------
IV
never before - chillin' in the supermarket!?
what the f*ck : K Pop madness +_+
never before - chillin' in the supermarket!?
what the f*ck : K Pop madness +_+
วาร์ปกลับไปหลังดูหนังจบ ด้วยความหิวเลยเดินเข้าไปซื้อเบเกอรี่ในซุปเปอร์กิน ก็เพิ่งรู้เหมือนกันแหละ ว่ามันมีโซนให้นั่งทานของพวกนี้ได้ แถมเป็นเก้าอี้ใหญ่ๆสบายๆแบบสตาบั๊กด้วยล่ะสิ ได้ทีเลยนั่งชิล สถิตย์อยู่ตรงนั้นสักพัก ก่อนจะไปเดินเล่นต่อ ... ไหนๆวันนี้ก็ชิลมาทั้งบ่ายแล้วหนิ
เดินไปเดินมาสุดท้ายก็แวะไป B2S ซื้อ KI kitara จนได้... ก็เพราะได้ไปฟังเพลงใน iPod ของ TK Park เนี่ยแหละ แต่กว่าจะซื้อได้เนี่ย เล่นเอางงไปใ่ช่เล่น ...กับคลื่นมหาชนที่ออกันเต็มระเบียบ B2S พร้อมเสียงกรี๊ดกร๊าด กับความพยายามยื้ิอแย่งถ่ายรูปที่ดูเอาแล้ว แมร่งงง ไม่กลัวตกลงมาตายบ้างเลยเหรอวะ ระเบียงกระจกทั้งนั้น
สรุปก็คือวัีนนี้ PARAN มา เท่านั้นแหละ
---------------------------
จบ
(จบดื้อๆนั่นแหละ ปิดท้ายวันที่อะไรก็เกิดขึ้นได้)
จบ
(จบดื้อๆนั่นแหละ ปิดท้ายวันที่อะไรก็เกิดขึ้นได้)
ดองเค็มจนได้ที่ ในที่สุดก็ได้อัพสักที กลับบล็อก truelife ETC ที่อ้อนมันรอคอยมานาน แต่จะบอกว่า มันก็คงเหมือนๆกับที่แกเขียนแหละ รูปยังไงก็เหมือนเพราะมาจากกล้องตัวเดียวกัน 555
รู้สึกบล็อกนี้จะพูดเรื่องซ้ำๆอยู่สองอย่าง ไม่ 'อัมพวา' ก็ Truelife Thornglor ไปกันจริ๊ง ได้ยินคำถาม 'ไปมาอีกแล้วเหรอ' ไม่รู้กี่ครั้งและ
สำหรับ Jam Sessions นี่ จุดเด่นก็คงเป็นที่ความชิลมั้ง นั่งกินกาแฟ ทำไรก็ได้ (แม้แต่ทำงาน - อ่านหนังสือสอบ!?) ควันบุหรี่ก็ไม่มี แถมสัปดาห์ที่ไปเนี่ยใช้บัตร true coffee ลดได้อีก 50% ประหยัดซะไม่มี ^_^
จริงๆแล้ว จุดเด่นจริงๆคงเป็นที่การมาเล่นดนตรีแบบ 'สบายๆ เป็นกันเอง' ซะมากกว่า มีอะไรอยากปล่อยก็ปล่อยได้ ที่สำคัญที่สุดก็คือความเป็น Jam Sessions สมชื่อ คือมาแจมกันสนุกๆ หลายครั้งที่ไม่มีการเตรี๊ยม ประเภทมานั่งฟังที่ร้านแล้วเรียกไปแจมก็เห็นหลายครั้งอยู่
วันนี้ตอนไปนีี่แทบไม่มีที่เหลือแล้ว มีแต่โต๊ะเปล่าๆ (ซะงั้น) ต้องขอบคุณไอ้อ้อน ที่รู้จักพี่เติ้ง เลยได้เก้าอี้มานั่ง ดีจริง สุดท้ายเลยได้นั่งข้างล่าง สบายใจเฉิบ (โดนบังไปนิด กับโลเคชั่นเสียงทึบๆไปหน่อย แต่ไม่เป็นไร เดินเบียดๆไปนิดนึงก็ใช้ได้และ)
ไฮไลต์จริงๆอยู่ที่ ETC ส่วนรายอื่นๆที่มาเล่นก็มีศิลปินจาก werk shop หน้าตาหลายคนก็คุ้นหน้าคุ้นตากันอยู่ ดูรูปเอาละกัน
แน่นอนว่ามี Jam Sessions กันแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นลูกปัด และ ลูกหว้า DOObaDOO ซึ่งก็มาช่วยทำอัลบั้มใหม่นี่อยู่แล้ว ลูกหว้าลุคใหม่นี่เปรี้ยวขึ้นอีกเยอะ ตอนแรกมองไปหน้าอย่างกับอาร์ต (กรุ๊ป A)
ปิดท้่ายด้วยการแจมจาก Champ - the strangers (loveis) ซึ่งเหมือนจะขโมยซีนนิดๆโดยไม่ตั้งใจ แต่ไม่เป็นไร ให้อภัยได้ (ก็เสียงพี่แกมันพาวอย่างงั้นนี่นา) ปิดท้ายคอนเสิร์ตอย่างมีความสุขอีกครั้ง
ส่วนวีดีโอคลิป ขี้เกียจตัดต่อว่ะ 555
.......
อัพจบสักทีกับบล็อกที่ค้างคา ปิดเทอมนี้คงไม่มีอะไรให้เขียนมากแล้วมั้ง แยกย้ายกันไปฝึกงานกันหมดและ นี่ก็ลุ้นอยู่ว่าพฤหัสหน้า เข้างานวันแรก จะเป็นไง ระทึก ตื่นเต้น งานโหดสุดๆ หรือโคตรน่าเบื่อไม่มีไรทำ ...อืม ฟังมาหลายคนและ เจอมาหลากหลายรูปแบบจริงๆ เดี๋ยวคงได้มาพูดเรื่องนี้อีกที
เมื่อวานเป๊ปก็ไป summer ที่ NZ อีกแล้ว กลับมาขอให้ Active ขึ้นหน่อยเฮอะ แต่นี่ไม่รู้เหมือนกัน มันจะสูงกว่ากูรึเปล่าเนี่ย
.....
Co-Blog ^^ http://escate.multiply.com/journal/item/4
Truelife Jam Sessions Series
- Koh Mr. Saxman
- LOVEis
- สนามหลวง (DOObaDOO / Bossa Blossom)
รู้สึกบล็อกนี้จะพูดเรื่องซ้ำๆอยู่สองอย่าง ไม่ 'อัมพวา' ก็ Truelife Thornglor ไปกันจริ๊ง ได้ยินคำถาม 'ไปมาอีกแล้วเหรอ' ไม่รู้กี่ครั้งและ
สำหรับ Jam Sessions นี่ จุดเด่นก็คงเป็นที่ความชิลมั้ง นั่งกินกาแฟ ทำไรก็ได้ (แม้แต่ทำงาน - อ่านหนังสือสอบ!?) ควันบุหรี่ก็ไม่มี แถมสัปดาห์ที่ไปเนี่ยใช้บัตร true coffee ลดได้อีก 50% ประหยัดซะไม่มี ^_^
จริงๆแล้ว จุดเด่นจริงๆคงเป็นที่การมาเล่นดนตรีแบบ 'สบายๆ เป็นกันเอง' ซะมากกว่า มีอะไรอยากปล่อยก็ปล่อยได้ ที่สำคัญที่สุดก็คือความเป็น Jam Sessions สมชื่อ คือมาแจมกันสนุกๆ หลายครั้งที่ไม่มีการเตรี๊ยม ประเภทมานั่งฟังที่ร้านแล้วเรียกไปแจมก็เห็นหลายครั้งอยู่
วันนี้ตอนไปนีี่แทบไม่มีที่เหลือแล้ว มีแต่โต๊ะเปล่าๆ (ซะงั้น) ต้องขอบคุณไอ้อ้อน ที่รู้จักพี่เติ้ง เลยได้เก้าอี้มานั่ง ดีจริง สุดท้ายเลยได้นั่งข้างล่าง สบายใจเฉิบ (โดนบังไปนิด กับโลเคชั่นเสียงทึบๆไปหน่อย แต่ไม่เป็นไร เดินเบียดๆไปนิดนึงก็ใช้ได้และ)
ไฮไลต์จริงๆอยู่ที่ ETC ส่วนรายอื่นๆที่มาเล่นก็มีศิลปินจาก werk shop หน้าตาหลายคนก็คุ้นหน้าคุ้นตากันอยู่ ดูรูปเอาละกัน
ไม่ใช่ TATA YOUNG แต่คือ แพรวx3
ส่วน ETC วันนี้ที่เล่นก็ไม่ได้ทำให้ิผิดหวัง เล่นกันจนเกือบครบอัลบั้มใหม่เลยมั้ง แล้วก็มีเพลงสากลมาแถมซึ่งไม่รู้ว่าเพลงอะไร แต่ว่าปึ้กมากๆ สุดยอดจริงแน่นอนว่ามี Jam Sessions กันแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นลูกปัด และ ลูกหว้า DOObaDOO ซึ่งก็มาช่วยทำอัลบั้มใหม่นี่อยู่แล้ว ลูกหว้าลุคใหม่นี่เปรี้ยวขึ้นอีกเยอะ ตอนแรกมองไปหน้าอย่างกับอาร์ต (กรุ๊ป A)
ปิดท้่ายด้วยการแจมจาก Champ - the strangers (loveis) ซึ่งเหมือนจะขโมยซีนนิดๆโดยไม่ตั้งใจ แต่ไม่เป็นไร ให้อภัยได้ (ก็เสียงพี่แกมันพาวอย่างงั้นนี่นา) ปิดท้ายคอนเสิร์ตอย่างมีความสุขอีกครั้ง
ส่วนวีดีโอคลิป ขี้เกียจตัดต่อว่ะ 555
.......
อัพจบสักทีกับบล็อกที่ค้างคา ปิดเทอมนี้คงไม่มีอะไรให้เขียนมากแล้วมั้ง แยกย้ายกันไปฝึกงานกันหมดและ นี่ก็ลุ้นอยู่ว่าพฤหัสหน้า เข้างานวันแรก จะเป็นไง ระทึก ตื่นเต้น งานโหดสุดๆ หรือโคตรน่าเบื่อไม่มีไรทำ ...อืม ฟังมาหลายคนและ เจอมาหลากหลายรูปแบบจริงๆ เดี๋ยวคงได้มาพูดเรื่องนี้อีกที
เมื่อวานเป๊ปก็ไป summer ที่ NZ อีกแล้ว กลับมาขอให้ Active ขึ้นหน่อยเฮอะ แต่นี่ไม่รู้เหมือนกัน มันจะสูงกว่ากูรึเปล่าเนี่ย
.....
Co-Blog ^^ http://escate.multiply.com/journal/item/4
Truelife Jam Sessions Series
- Koh Mr. Saxman
- LOVEis
- สนามหลวง (DOObaDOO / Bossa Blossom)
เป็นครั้งที่สาม กับการไปเที่ยว 'อัมพวา' ที่กลายเป็น 'ที่เที่ยวสิ้นคิด' อย่างเป็นทางการของเราไปซะแล้ว ณ วันอาทิตย์ - จันทร์ ที่ 4-5 มกราที่ผ่านมา (บล็อกนี้มีกลิ่นดองเค็มนิดๆ กำลังอร่อย.. โดนไอ้อ้อนเร่งตั้งหลายทีและ)
หลายคนที่ไ่ม่เคยไปคงถาม 'ไปอีกแล้วเหรอวะ'
เออนั่นแหละ ไปอีกแล้ว แล้วก็คงจะไม่ใช่แค่สามครั้งนี้หรอก เดี๋ยวก็ไปอีก
ทริปอัมพวาครั้งนี้ได้มีผู้ร่วมเดินทางไปกันทั้งหมด รวมเบ็ดเสร็จแล้ว 13 ชีวิต แต่อยู่ค้าง 11 เท่านั้น ที่หน้าเดิมๆก็มี เรา ปอง ปลาย แวว ตี๋ อุ้ย ฟ้า เกท (อุตส่าห์เคลียร์คิวที่บ้านไปจนได้ ขอบคุณมากๆ) และหน้าใหม่ๆอย่าง พิศาล หมู และจ๊อก (ผู้ซึ่งเคยมาอัมพวาบ่อยกว่าเราซะอีก) ส่วนเอกรินทร์ กับ ติ๊ ครั้งนี้ขอบายไม่ค้าง ด้วยเหตุผลบางประการ
น่าเสียดายกับหลายๆคนที่มาไม่ได้ ยกความผิดให้กับวิชา Prin Market ทีี่ทำให้ตั้ม กลด เปรม มาไม่ได้ ส่วนคนอื่นก็มีเหตุผลต่างๆนานา เช่นไอ้กี้อยู่ดีๆก็โดนหวัดแดกอดมาซะงั้น โอมก็ไปเชงเม้ง ไอ้เต้ยปิดมือถือไม่รับสายตั้งแต่คืนวันเสาร์ -_- คุณสุนาถต้องประชุมทำแผนครองจุฬา น่าสงสารๆ ไม่ได้ไปสักทีนะแมคเอ๊ย
แต่เอาเหอะ สิบเอ็ดคนก็ยังดี หารค่าบ้านได้คนละสามร้อยก็โอและ เนอะ ^^
บางคนอาจสงสัย ไปหลายรอบไม่เบื่อเหรอ... ไว้ให้มาก่อนเหอะ ยังไงก็ไม่เบื่อร้อก กับหนมปังทอดไส้กรอก กุ้งอบวุ้นเส้น25บาท กาแฟเย็ํน ชาเย็นรสจ๊าบๆ แล้วก็มะละกอแดงมะนาว ฯลฯ :P
มะละกอน้ำแดงมะนาว + น้ำแดงโซดา + น้ำอัญชัญ + เขียวมะนาวโซดา @ กาญจนาพานิช / หนมปังไส้กรอกทอด กรอบนอกนุ่มใน อร่อยสุดๆ
แน่นอนว่า กิจกรรมที่อัมพวา คงหนีเป็นอะไรไม่ได้ นอกจากการตระเวนกิน ครั้้งนี้รู้สึุกจะทุ่มเงินไปกับปลาหมึกปิ้งมากหน่อย วันนึงกินไปตั้งสามตัว -_- เล่นเอาจนไปเหมือนกันแฮะ วันนี้ได้เดินเลยตลาดออกมาที่ท่าตรงข้ามสถานีตำรวจ นั่งกินปาท่องโก๋กะกล้วยทอด ซึ่งที่ร้านเขียนโปรโหมตไว้ว่า 'เท่าไหร่ก็ขาย แต่ต่อมากไประวังโดนตีน' (อันหลังนี่เติมเอง)
มากี่ครั้งๆ ก็ยังเจอกับปัญหาเดิมๆ ได้แก่ 'เนื้อที่กระเพาะไม่พอ' กับ 'บ้าเลือดซื้อของมาจนกินไม่หมด' ซึ่งคราวนี้ เนื่องจากไอ้จ๊อกมา ก็เลยยิ่งทำให้ปัญหาหลังทวีคูณขึ้นทันตา (เพราะมันซื้อแหลก กินนิดกินหน่อย แล้วส่งต่อให้คนอื่นรับผิดชอบกันต่อไป) ผิดกับคุณหมู ซึ่งถึงชื่อหมูแต่เอาเข้าจริงๆกลับไม่เห็นเหมือนหมูสักนิด เพราะนอกจากจะเป็นชายหุ่นเพรียวลม ชนิดแม้แต่หญิงไทยหุ่นมาตรฐานยังอยากจะแลกเอวด้วย ไม่กินจุกจิก ชนิดที่พวกกูอดสงสัยไม่ได้ว่า มันจะกลัวอ้วนไปถึงไหนกัน มันยังมีคุณสมบัติพิเศษที่หน้าหมั่นไส้สุดๆ เพราะเวลากินข้าวเยอะๆ แทนที่พุงจะป่องแบบชาวบ้าน ไอ้นี่ไม่เป็นอย่างงั้นแฮะ กลายเป็นว่า ถ้ากินเยอะแล้ว.. ท้องจะแข็งเหมือนซิทอัพจนได้ซิกแพ็คมา... ซะงั้นอะ (ไม่ยุติธรรมจริงจริ๊งงงงง เสียดายที่ลืมถ่ายรูปตัวเต็มๆมา แย่จังแฮะ ไม่เป็นไร ไว้วันหลังถ่ายก็ได้ แม่งไม่อ้วนไปกว่านี้หรอก)
และแล้วก็ตกเย็นจนได้ ใครเป็นแฟนพันธ์แท้บล็อกอัมพวา คงรู้ว่า หลังจากกินอิ่มแล้ว พอเริ่มมืดๆ จะต้องมุ่งหน้าไปที่ร้าน ธารามาตย์ หวังจะขึ้นไปนั่งชิลที่ระเบียงร้าน ปรากฏว่าวันนี้ผิดคาด เพราะนอกจากชั้นล่าง ที่ตัวร้าน จะมีคลื่นมหาชนมารุ้มทึ้งเสื้อผ้ากันเหมือนแจกฟรีแล้ว (คือปกติก็คนเยอะพอสมควร แต่วันนั้นที่ไปนี่คนเยอะสัดๆ) ระเบียงที่รักของเราก็เต็มไปด้วย อาสิ้ม และครอบครัว กับใครอีกก็ไม่รู้ (ฮือๆๆๆ) ไม่มีที่นั่งซะงั้นอะ
สุดท้าย ก็เลยลงมาข้างล่าง ดูแววมันเลือกเสื้อ (มันบ่นว่า มาร้านนี้ทีไร เสียตังค์ได้ทุกทีสิท่า) ส่วนไอ้ตี๋กับไอ้หมู แจ้นกลับบ้านไปดูซอดองโย (บอกแล้วว่าภาคกูมีแต่คนประหลาดๆ หน้าอย่างมันทั้งสองตัวไม่น่าติดซอดองโยได้เล้ย -_-) ส่วนเราที่เล็งๆจะถอยเกงเลลินินแบบเก๋ๆ ที่หาซื้อที่ไหนไม่ได้นอกจากร้านนี้ ปรากฏว่าวันนี้ของดันหมด เหลือแต่เลสีขาว สยิวไปหน่อยมั้งพี่ ไว้รอลอตหน้าละกัน
ระหว่างที่รอเสียบที่นั่งข้างบน เนื่องจากยังไม่ได้กินอาหารเย็นอย่างเป็นทางการ (เพราะสอยของกินตลอดเวลาจนอิ่มไปเอง) ก็เลยไปซื้อข้าวเหนียวมะม่วงอีกจานใหญ่ๆมาซัด ซึ่งไอ้ตอนไปซื้อเนี่ย ก็แอบเสี่ยวนิดๆตรงที่ไปเรียกคนขายว่า 'ป้า' ทั้งๆที่แกเป็นผู้ชาย +_+ (ก็มุมนั้นมันดูไม่ออกจริงๆนี่หว่า -_-)
ไม่รู้ว่าที่มะม่วงมันมีชิ้นนึงกลิ่นเหมือนทุเรียนชะมัด (ได้รับการยืนยันจากคานและฟ้า ว่ากลิ่นมันเหมือนทุกเรียนจริงๆ) จะเป็นเพราะแกแค้นที่ไปเรียกแกว่า 'ป้า' รึเปล่าเนี่ย
อย่างไรก็ตาม ในความโชคร้ายที่ระเบียงชิลอันเป็นที่รักมันดันเต็ม ก็ยังมีความโชคดีอยู่ เพราะที่นั่งแบบเก้าอี้นอนริมคลองหน้าร้าน ว่าง ซะงั้น แหละ ครับ! พวกเราเลยจัดการยึดเป็นทำเลนั่งชิลไปแทน ฮะฮ่า! แสงแถวนั้นก็สวยใช้ได้ เลยปักหลักถ่ายรูปกันว่าเล่น (เพิ่งรู้ว่ากล้องคอมแพคของเรามันก็เซตโหมด Manual ถ่ายได้สวยไม่เบา) ชิลไปชิลมาก็สั่งเก้นมาแกล้ม แหม่ ยังไงก็ชิลได้น่า
Chillin' @ Taramart (Fah+Waew / Pop+Karn)
Jock / Couple of Couple!! (เป็นคู่้เชียวนะ :P)
Devils Collection!@! (ปองซื้อมา โดนจิ๊กมาเล่นซะ 55)
ชอบรูปนี้ว่ะ (หน้าแววกะคานได้ใจมักส์)
ส่วนสองคนนี้ เค้าเรียกว่า 'ร้ายไม่ลง' 555
ทำไรสักอย่าง 55 (ไอ้ดึ๋งๆนั้นก็ปองซื้อมา มันมีไฟด้วยนะเฟ่ย)
หลายคนที่ไ่ม่เคยไปคงถาม 'ไปอีกแล้วเหรอวะ'
เออนั่นแหละ ไปอีกแล้ว แล้วก็คงจะไม่ใช่แค่สามครั้งนี้หรอก เดี๋ยวก็ไปอีก
ทริปอัมพวาครั้งนี้ได้มีผู้ร่วมเดินทางไปกันทั้งหมด รวมเบ็ดเสร็จแล้ว 13 ชีวิต แต่อยู่ค้าง 11 เท่านั้น ที่หน้าเดิมๆก็มี เรา ปอง ปลาย แวว ตี๋ อุ้ย ฟ้า เกท (อุตส่าห์เคลียร์คิวที่บ้านไปจนได้ ขอบคุณมากๆ) และหน้าใหม่ๆอย่าง พิศาล หมู และจ๊อก (ผู้ซึ่งเคยมาอัมพวาบ่อยกว่าเราซะอีก) ส่วนเอกรินทร์ กับ ติ๊ ครั้งนี้ขอบายไม่ค้าง ด้วยเหตุผลบางประการ
น่าเสียดายกับหลายๆคนที่มาไม่ได้ ยกความผิดให้กับวิชา Prin Market ทีี่ทำให้ตั้ม กลด เปรม มาไม่ได้ ส่วนคนอื่นก็มีเหตุผลต่างๆนานา เช่นไอ้กี้อยู่ดีๆก็โดนหวัดแดกอดมาซะงั้น โอมก็ไปเชงเม้ง ไอ้เต้ยปิดมือถือไม่รับสายตั้งแต่คืนวันเสาร์ -_- คุณสุนาถต้องประชุมทำแผนครองจุฬา น่าสงสารๆ ไม่ได้ไปสักทีนะแมคเอ๊ย
แต่เอาเหอะ สิบเอ็ดคนก็ยังดี หารค่าบ้านได้คนละสามร้อยก็โอและ เนอะ ^^
บางคนอาจสงสัย ไปหลายรอบไม่เบื่อเหรอ... ไว้ให้มาก่อนเหอะ ยังไงก็ไม่เบื่อร้อก กับหนมปังทอดไส้กรอก กุ้งอบวุ้นเส้น25บาท กาแฟเย็ํน ชาเย็นรสจ๊าบๆ แล้วก็มะละกอแดงมะนาว ฯลฯ :P
มะละกอน้ำแดงมะนาว + น้ำแดงโซดา + น้ำอัญชัญ + เขียวมะนาวโซดา @ กาญจนาพานิช / หนมปังไส้กรอกทอด กรอบนอกนุ่มใน อร่อยสุดๆ
แน่นอนว่า กิจกรรมที่อัมพวา คงหนีเป็นอะไรไม่ได้ นอกจากการตระเวนกิน ครั้้งนี้รู้สึุกจะทุ่มเงินไปกับปลาหมึกปิ้งมากหน่อย วันนึงกินไปตั้งสามตัว -_- เล่นเอาจนไปเหมือนกันแฮะ วันนี้ได้เดินเลยตลาดออกมาที่ท่าตรงข้ามสถานีตำรวจ นั่งกินปาท่องโก๋กะกล้วยทอด ซึ่งที่ร้านเขียนโปรโหมตไว้ว่า 'เท่าไหร่ก็ขาย แต่ต่อมากไประวังโดนตีน' (อันหลังนี่เติมเอง)
มากี่ครั้งๆ ก็ยังเจอกับปัญหาเดิมๆ ได้แก่ 'เนื้อที่กระเพาะไม่พอ' กับ 'บ้าเลือดซื้อของมาจนกินไม่หมด' ซึ่งคราวนี้ เนื่องจากไอ้จ๊อกมา ก็เลยยิ่งทำให้ปัญหาหลังทวีคูณขึ้นทันตา (เพราะมันซื้อแหลก กินนิดกินหน่อย แล้วส่งต่อให้คนอื่นรับผิดชอบกันต่อไป) ผิดกับคุณหมู ซึ่งถึงชื่อหมูแต่เอาเข้าจริงๆกลับไม่เห็นเหมือนหมูสักนิด เพราะนอกจากจะเป็นชายหุ่นเพรียวลม ชนิดแม้แต่หญิงไทยหุ่นมาตรฐานยังอยากจะแลกเอวด้วย ไม่กินจุกจิก ชนิดที่พวกกูอดสงสัยไม่ได้ว่า มันจะกลัวอ้วนไปถึงไหนกัน มันยังมีคุณสมบัติพิเศษที่หน้าหมั่นไส้สุดๆ เพราะเวลากินข้าวเยอะๆ แทนที่พุงจะป่องแบบชาวบ้าน ไอ้นี่ไม่เป็นอย่างงั้นแฮะ กลายเป็นว่า ถ้ากินเยอะแล้ว.. ท้องจะแข็งเหมือนซิทอัพจนได้ซิกแพ็คมา... ซะงั้นอะ (ไม่ยุติธรรมจริงจริ๊งงงงง เสียดายที่ลืมถ่ายรูปตัวเต็มๆมา แย่จังแฮะ ไม่เป็นไร ไว้วันหลังถ่ายก็ได้ แม่งไม่อ้วนไปกว่านี้หรอก)
และแล้วก็ตกเย็นจนได้ ใครเป็นแฟนพันธ์แท้บล็อกอัมพวา คงรู้ว่า หลังจากกินอิ่มแล้ว พอเริ่มมืดๆ จะต้องมุ่งหน้าไปที่ร้าน ธารามาตย์ หวังจะขึ้นไปนั่งชิลที่ระเบียงร้าน ปรากฏว่าวันนี้ผิดคาด เพราะนอกจากชั้นล่าง ที่ตัวร้าน จะมีคลื่นมหาชนมารุ้มทึ้งเสื้อผ้ากันเหมือนแจกฟรีแล้ว (คือปกติก็คนเยอะพอสมควร แต่วันนั้นที่ไปนี่คนเยอะสัดๆ) ระเบียงที่รักของเราก็เต็มไปด้วย อาสิ้ม และครอบครัว กับใครอีกก็ไม่รู้ (ฮือๆๆๆ) ไม่มีที่นั่งซะงั้นอะ
สุดท้าย ก็เลยลงมาข้างล่าง ดูแววมันเลือกเสื้อ (มันบ่นว่า มาร้านนี้ทีไร เสียตังค์ได้ทุกทีสิท่า) ส่วนไอ้ตี๋กับไอ้หมู แจ้นกลับบ้านไปดูซอดองโย (บอกแล้วว่าภาคกูมีแต่คนประหลาดๆ หน้าอย่างมันทั้งสองตัวไม่น่าติดซอดองโยได้เล้ย -_-) ส่วนเราที่เล็งๆจะถอยเกงเลลินินแบบเก๋ๆ ที่หาซื้อที่ไหนไม่ได้นอกจากร้านนี้ ปรากฏว่าวันนี้ของดันหมด เหลือแต่เลสีขาว สยิวไปหน่อยมั้งพี่ ไว้รอลอตหน้าละกัน
ระหว่างที่รอเสียบที่นั่งข้างบน เนื่องจากยังไม่ได้กินอาหารเย็นอย่างเป็นทางการ (เพราะสอยของกินตลอดเวลาจนอิ่มไปเอง) ก็เลยไปซื้อข้าวเหนียวมะม่วงอีกจานใหญ่ๆมาซัด ซึ่งไอ้ตอนไปซื้อเนี่ย ก็แอบเสี่ยวนิดๆตรงที่ไปเรียกคนขายว่า 'ป้า' ทั้งๆที่แกเป็นผู้ชาย +_+ (ก็มุมนั้นมันดูไม่ออกจริงๆนี่หว่า -_-)
ไม่รู้ว่าที่มะม่วงมันมีชิ้นนึงกลิ่นเหมือนทุเรียนชะมัด (ได้รับการยืนยันจากคานและฟ้า ว่ากลิ่นมันเหมือนทุกเรียนจริงๆ) จะเป็นเพราะแกแค้นที่ไปเรียกแกว่า 'ป้า' รึเปล่าเนี่ย
อย่างไรก็ตาม ในความโชคร้ายที่ระเบียงชิลอันเป็นที่รักมันดันเต็ม ก็ยังมีความโชคดีอยู่ เพราะที่นั่งแบบเก้าอี้นอนริมคลองหน้าร้าน ว่าง ซะงั้น แหละ ครับ! พวกเราเลยจัดการยึดเป็นทำเลนั่งชิลไปแทน ฮะฮ่า! แสงแถวนั้นก็สวยใช้ได้ เลยปักหลักถ่ายรูปกันว่าเล่น (เพิ่งรู้ว่ากล้องคอมแพคของเรามันก็เซตโหมด Manual ถ่ายได้สวยไม่เบา) ชิลไปชิลมาก็สั่งเก้นมาแกล้ม แหม่ ยังไงก็ชิลได้น่า
Chillin' @ Taramart (Fah+Waew / Pop+Karn)
Jock / Couple of Couple!! (เป็นคู่้เชียวนะ :P)
Devils Collection!@! (ปองซื้อมา โดนจิ๊กมาเล่นซะ 55)
ชอบรูปนี้ว่ะ (หน้าแววกะคานได้ใจมักส์)
ส่วนสองคนนี้ เค้าเรียกว่า 'ร้ายไม่ลง' 555
ทำไรสักอย่าง 55 (ไอ้ดึ๋งๆนั้นก็ปองซื้อมา มันมีไฟด้วยนะเฟ่ย)
ในที่สุดหลังชิลตั้งนาน บนระเบียงก็ว่างจนได้!!! ก็เลยรีบขึ้นไปเสียบ ไม่เสียที ยังทำสิถิติกิจวัตรประจำการมาอัมพวาได้เหมือนเคย เสียดายที่มันปิดสามทุ่ม ก็เลยอพยพไปกินข้าวต้มข้างๆสะพาน ซึ่งเพิ่งจะเคยกิน ขอบอกว่าอร่อยมากกกกกกก แล้วก็ไปต่อที่กาญจนาพานิช เป็นการปิดท้ายโปรแกรมกินประจำวัน คราวนี้ถึงไม่มีอะไรรั่วๆ แต่พี่เค้าก็ยังจำพวกเราได้นะ ^^
ส่วนอีกวัน ตื่นมา ตอนแรกนึกว่าจะไปตลาดท่าคา ไม่ก็จองเรือไปเที่ยว ปรากฏว่า ตื่นมาก็สายและ (แน่นอนว่าไม่ได้ตักบาตรด้วย) กว่าจะตื่น กินข้าวเช้ากันหมดก็เกือบสิบโมงและ ก็เลยเดินสายไปกินกาแฟเย็นร้านสมาน เยี่ยมเจ้าดิ๊กๆกะคุณลุง แวะไปทักทายพี่ออฟที่่ Thanicha แล้วก็เลยไปบ้านกะลา ซึ่งคราวนี้ได้เห็น 'ตัวเงินตัวทอง' ตัวเป็นๆ แบบนานๆ ให้ดูซะด้วย อื้มมมม มันเป็นอย่างงี้นี่เอง o_o
เ-ี้ย ครับ ตัว เ-ี้ย / ทางเข้่าบ้านคลองอัมพวา
ส่วนอีกวัน ตื่นมา ตอนแรกนึกว่าจะไปตลาดท่าคา ไม่ก็จองเรือไปเที่ยว ปรากฏว่า ตื่นมาก็สายและ (แน่นอนว่าไม่ได้ตักบาตรด้วย) กว่าจะตื่น กินข้าวเช้ากันหมดก็เกือบสิบโมงและ ก็เลยเดินสายไปกินกาแฟเย็นร้านสมาน เยี่ยมเจ้าดิ๊กๆกะคุณลุง แวะไปทักทายพี่ออฟที่่ Thanicha แล้วก็เลยไปบ้านกะลา ซึ่งคราวนี้ได้เห็น 'ตัวเงินตัวทอง' ตัวเป็นๆ แบบนานๆ ให้ดูซะด้วย อื้มมมม มันเป็นอย่างงี้นี่เอง o_o
เ-ี้ย ครับ ตัว เ-ี้ย / ทางเข้่าบ้านคลองอัมพวา
พอดูเสร็จเราก็ไป นวด กัน ความจริงตั้งแต่คืนที่แล้ว ระหว่างที่เรานั่งชิลนอกร้าน Tharamart พวกปอง ปลาย จ๊อก อุ้ย เกท มันก็ไปนวดเท้ากัน ไอ้เรามาที่นี่ก็ตั้งสองครั้ง ยังไม่ได้นวดสักที คราวแรกที่มาก็กะจะนวดแล้ว หลังกลับจากวัดจุฬาฯ แต่ปรากฏว่าวันนั้นหมอนวดมีโปรแกรมพิเศษ ลงเรือนวดไปหมดเลย ก็เลยอดนวด มาคราวนี้ ได้นวดจริงๆซะที
ปรากฏว่าดีเกินคาดแฮะ เลือกโปรแกรมนวดคลายเครียดไป ร้อยนึง สี่สิบห้านาที ซึ่งไอ้นวดคลายเครียดเนี่ย เค้าจะนวดหัว ต้นคอ ไหล่ ก็ขยำๆๆ จนหัวฟูเปนซุปเปอร์ไซย่าไป นี่ความจริงน่าจะคอมโบ้นวดเท้าไปด้วยเลย เพราะว่าพอนวดเสร็จ ครึ่งบนโคตรเบา ส่วนครึ่งล่างนี่ยังหนักเหมือนเดิม แต่ไอ้นวดคลายเครียดมันก็นอนไม่ได้อะนะ เพราะพี่แกนวดหัว แต่ถ้านวดเท้านี่คงหลับสบายน่าดู ไว้คราวหน้ามาจะนวดอีกนะคร้าบ
ขากลับจากนวดก็แวะเข้าไปดู 'บ้านคลองอัมพวา' ซึ่งก็คือบ้านพักตรงร้านนวดนั่นแหละ ไม่เคยเข้าไปอะ เพราะบางครั้งเวลาแขกเหมาบ้าน เขาก็จะปิดทางเข้าหลัก พอดีว่าวันนี้ไม่มีแขก ก็เลยเข้าไปดูได้ ปรากฏว่า... โคตรจะสวยเลย เหมาทั้งหลัง 4200 มีห้องนอนสาม (เตียงนุ่มๆ + ทีวี เหมือนโรงแรมดีๆนี่เอง) ทุกห้องนอนมีห้องน้ำ + เครื่องทำน้ำอุ่น ซึ่งถ้าเราเหมาก็จะได้บริเวณห้องนั่งเล่นข้างล่าง แน่นอนว่ามีทีวีอีกด้วย ไว้คราวหน้าถ้ารวมพลได้สิบกว่าคน จะลองเปลี่ยนบรรยากาศมาทีี่นี่ดูล่ะนะ
ปรากฏว่าดีเกินคาดแฮะ เลือกโปรแกรมนวดคลายเครียดไป ร้อยนึง สี่สิบห้านาที ซึ่งไอ้นวดคลายเครียดเนี่ย เค้าจะนวดหัว ต้นคอ ไหล่ ก็ขยำๆๆ จนหัวฟูเปนซุปเปอร์ไซย่าไป นี่ความจริงน่าจะคอมโบ้นวดเท้าไปด้วยเลย เพราะว่าพอนวดเสร็จ ครึ่งบนโคตรเบา ส่วนครึ่งล่างนี่ยังหนักเหมือนเดิม แต่ไอ้นวดคลายเครียดมันก็นอนไม่ได้อะนะ เพราะพี่แกนวดหัว แต่ถ้านวดเท้านี่คงหลับสบายน่าดู ไว้คราวหน้ามาจะนวดอีกนะคร้าบ
ขากลับจากนวดก็แวะเข้าไปดู 'บ้านคลองอัมพวา' ซึ่งก็คือบ้านพักตรงร้านนวดนั่นแหละ ไม่เคยเข้าไปอะ เพราะบางครั้งเวลาแขกเหมาบ้าน เขาก็จะปิดทางเข้าหลัก พอดีว่าวันนี้ไม่มีแขก ก็เลยเข้าไปดูได้ ปรากฏว่า... โคตรจะสวยเลย เหมาทั้งหลัง 4200 มีห้องนอนสาม (เตียงนุ่มๆ + ทีวี เหมือนโรงแรมดีๆนี่เอง) ทุกห้องนอนมีห้องน้ำ + เครื่องทำน้ำอุ่น ซึ่งถ้าเราเหมาก็จะได้บริเวณห้องนั่งเล่นข้างล่าง แน่นอนว่ามีทีวีอีกด้วย ไว้คราวหน้าถ้ารวมพลได้สิบกว่าคน จะลองเปลี่ยนบรรยากาศมาทีี่นี่ดูล่ะนะ
ก็จบไปกับอีกทริปที่ประทับใจเหมือนเดิม รับประกันว่ามีครั้งที่สี่แน่ๆ ^^ คนอัมพวายังน่ารักเหมือนเดิม ปองเข้าไปผูกสัมพันธ์กับพี่ที่ร้านขายรองเท้า ที่เป็นร้านซอกเล็กๆไว้แล้ว พร้อมกับรับฉายา 'ขี้หมาน้อยยย' (เพราะทริปที่แล้ว ปองดันไปเหยียบขี้หมา ... แน่นอนว่าตามมาด้วยเสียงร้องกรี๊ดๆให้แม่ค้าทุกคนแถวนั้นมอง ตรงหน้าร้านกาญจนา) ซึ่งถึงจะผ่านมาสองสามเดือนแล้ว ลองไปถามเหอะ แม้ค้าตรงหน้าร้านโปสการ์ดกาญจนา แกก็ยังจำฉากที่ไอ้ปองเหยียบขี้หมาได้ 555
เด๋วๆ ก่อนจะจบ ขอทิ้งท้ายเรื่องไอ้หมูหน่อยเหอะ
เรื่องมีอยู่ว่า... หลังจากนวดเสร็จ ปองมันก็ไปคุยกับพี่ร้านรองเท้า คุยไปคุยมาพี่แกก็ลากมาแนะนำของกินร้านข้าวแกงข้างๆ ซึ่งระหว่างที่กำลังกินกันอย่างเอร็ดอร่อย เราก็มองไปที่จานไอ้หมู เหนข้าวมันเหลือตรึม เลยถามมันว่า ไมเหลือข้าวเยอะจังอะ
มันตอบได้อย่างน่าตาเฉยว่า ' ก็เนี่ย กินแป้งเยอะๆแล้ว มันก็จะอ้วนนะ'
'...'
กู จ๊อก แวว ปอง นี่แทบจะทิ้งช้อนแล้วเขวี้ยงจานไปที่หัวมันเลย แสร่ดดด ทำลายบรรยากาศการกินหมด
เฮ่อ +_+
เด๋วๆ ก่อนจะจบ ขอทิ้งท้ายเรื่องไอ้หมูหน่อยเหอะ
เรื่องมีอยู่ว่า... หลังจากนวดเสร็จ ปองมันก็ไปคุยกับพี่ร้านรองเท้า คุยไปคุยมาพี่แกก็ลากมาแนะนำของกินร้านข้าวแกงข้างๆ ซึ่งระหว่างที่กำลังกินกันอย่างเอร็ดอร่อย เราก็มองไปที่จานไอ้หมู เหนข้าวมันเหลือตรึม เลยถามมันว่า ไมเหลือข้าวเยอะจังอะ
มันตอบได้อย่างน่าตาเฉยว่า ' ก็เนี่ย กินแป้งเยอะๆแล้ว มันก็จะอ้วนนะ'
'...'
กู จ๊อก แวว ปอง นี่แทบจะทิ้งช้อนแล้วเขวี้ยงจานไปที่หัวมันเลย แสร่ดดด ทำลายบรรยากาศการกินหมด
เฮ่อ +_+
ภูกระดึง Part 5 (End) : น้ำตกถ้ำใหญ่ - ผาหมากดูก - Journey Back
2 Comments Published on 9.3.07 at 00:48.เดินจากน้ำตกโผนพบแป๊บเดียวก็เข้าสู่โซนป่าปิด ซึ่งต่างจากบริเวณที่เคยเดินซึ่งมีแต่สนทั้งนั้น เปลี่ยนบรรยากาศไปคนละแบบเลย สวยไปอีกอย่าง แต่ทางเดินก็โหดขึ้นด้วย มีทางชันที่ต้องระวังหน่อย แต่ยังไงก็ต้องเร่งเดินเหมือนกันเพราะเส้นทางน้ำตก ทางอุทยานจะให้เดินไม่เกินบ่ายสาม ซึ่งไอ้ตอนนั้นมันก็คงเกินอยู่แล้วแหละ แต่ก็ไม่ควรจะให้เกินไปมากกว่านั้นเยอะ เพราะมันก็คงอันตรายเหมือนกันหากตกเย็นแล้ว
เดินไปสักพักในที่สุดก็มาถึงน้ำตกถ้ำใหญ่ ที่สวยโคตรๆแม้จะไม่มีน้ำหยดสักแหมะ นี่ถ้ามาตอนช่วงน้ำชุกนี่คงจะสวยสุดๆไปเลย ไฮไลท์ของน้ำตกนี้คงไม่ใช่ตัวน้ำตก (เพราะไม่มีน้ำนี่นา) แต่คือใบเมเปิลสีแดงที่ร่วงกราวเต็มพื้น สีตัดกับเฟิร์นสีเขียวๆที่แซมตามหินเต็มไปหมด สวยจัง :)
ใบเมเปิล กับวิวสวยๆที่น้ำตกถ้ำใหญ่
ในที่สุดก็จบทริปเส้นทางน้ำตก เดินกลับที่พัำกไปกินข้าวอีกรอบ ซัดโฮกกันยกใหญ่เพราะหิวสุดๆ ก่อนจะเร่งเดินอีกสองโลกว่าๆ ไปดูพระอาทิตย์ตกที่ผาหมากดูก
จริงๆแล้วดูพระอาทิตย์ตกที่ผานี้ อยากบอกว่าสวยกว่าดูที่ผาหล่มสัก เพราะว่าได้วิวมุมกว้างสุดลูกหูลูกตา แต่ผาหล่มสักนั้น มันดีตรงที่มีหินยื่นๆกัีบต้นสนต้นนั้นแหละ ถ่ายรูปมาเลยคลาสสิคกว่า
พระอาทิตย์ตกที่ผาหมากดูก
จริงๆแล้วดูพระอาทิตย์ตกที่ผานี้ อยากบอกว่าสวยกว่าดูที่ผาหล่มสัก เพราะว่าได้วิวมุมกว้างสุดลูกหูลูกตา แต่ผาหล่มสักนั้น มันดีตรงที่มีหินยื่นๆกัีบต้นสนต้นนั้นแหละ ถ่ายรูปมาเลยคลาสสิคกว่า
พระอาทิตย์ตกที่ผาหมากดูก
พระอาทิตย์ตกคราวนี้สบายกว่าคราวก่อน เพราะเดินแค่สองโลไม่ใช่สิบโล -_- แต่คราวนี้ เดินไปเดินมาก็มี หิ่งห้อย บินไปบินมา บินตัดหน้าด้วยซ้ำไปมั้ง เหนระยะใกล้ๆ ไม่ต้องไปชะเง้อมองหาแบบที่อัมพวา สุดยอดจริงๆ ^^
เนื่องจากกินข้าวเย็นตั้งแต่ก่อนมาดูพระอาทิตย์ตก ขากลับเลยกลับไปเอามาม่าที่อุึตส่าห์แบกมาตั้งเยอะ แต่ไม่ได้ใช้เลยมาให้พี่ที่ร้านภูกระดึง (นงลักษณ์) ถามว่าทำไรได้บ้าง คิดตังยังไง ปรากฏว่า พี่แกเล่นตอบมาซะอึ้งเลย เพราะแกบอกว่า ถ้าเอาแค่น้ำร้อนก็เอาไปฟรีๆเลยก็ได้ ใจดีโคตร สุดท้ายเลยเกรงใจ เลยให้พี่ใส่ผักใส่หมูลงไป คิดสิบห้าบาทเอง (ถูกจัง) เป็นมาม่าที่อร่อยที่สุดมื้อนึงที่เคยกินมาเลยนะเนี่ย ขนาดขากลับสั่งมาม่าผัดที่หนึ่งเอาไปให้เอ (รึเปล่า) ที่รออยู่ที่บ้่านกิน พี่แกก็เอาใส่จาน + ช้อนส้อมให้เลย บอกเด๋วกินลำบาก พรุ่งนี้ค่อยมาคืนจานก็ได้ ...เฮ่อ เสียดายจัง ไปกินข้าวร้านพี่เอาก็วันสุดท้ายเนี่ย ถ้าได้ไปกินตั้งแต่วันแรกคงเป็นลูกค้าประจำไปแล้ว ใครไปอย่าลืมไปอุดหนุนพี่แกนะ (ความจริงยังมีเรื่องอึ้งๆอีก อย่างตอนจะลงจากภูเนี่ย ซื้อน้ำขวดจากพี่แก ปรากฏว่า พี่แกเล่นถามว่า จะให้ตัดหลอดมั้ย ใส่ขวดจะได้ไม่พับ !!! เป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆที่น่าอึ้งมากอะ เกิดมาไม่เคยมีใครอาสาตัดหลอดใส่ขวดน้ำให้มาก่อน)
(ใครกันน้า) นั่งดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ผานกเค้าอีกรอบ
เนื่องจากกินข้าวเย็นตั้งแต่ก่อนมาดูพระอาทิตย์ตก ขากลับเลยกลับไปเอามาม่าที่อุึตส่าห์แบกมาตั้งเยอะ แต่ไม่ได้ใช้เลยมาให้พี่ที่ร้านภูกระดึง (นงลักษณ์) ถามว่าทำไรได้บ้าง คิดตังยังไง ปรากฏว่า พี่แกเล่นตอบมาซะอึ้งเลย เพราะแกบอกว่า ถ้าเอาแค่น้ำร้อนก็เอาไปฟรีๆเลยก็ได้ ใจดีโคตร สุดท้ายเลยเกรงใจ เลยให้พี่ใส่ผักใส่หมูลงไป คิดสิบห้าบาทเอง (ถูกจัง) เป็นมาม่าที่อร่อยที่สุดมื้อนึงที่เคยกินมาเลยนะเนี่ย ขนาดขากลับสั่งมาม่าผัดที่หนึ่งเอาไปให้เอ (รึเปล่า) ที่รออยู่ที่บ้่านกิน พี่แกก็เอาใส่จาน + ช้อนส้อมให้เลย บอกเด๋วกินลำบาก พรุ่งนี้ค่อยมาคืนจานก็ได้ ...เฮ่อ เสียดายจัง ไปกินข้าวร้านพี่เอาก็วันสุดท้ายเนี่ย ถ้าได้ไปกินตั้งแต่วันแรกคงเป็นลูกค้าประจำไปแล้ว ใครไปอย่าลืมไปอุดหนุนพี่แกนะ (ความจริงยังมีเรื่องอึ้งๆอีก อย่างตอนจะลงจากภูเนี่ย ซื้อน้ำขวดจากพี่แก ปรากฏว่า พี่แกเล่นถามว่า จะให้ตัดหลอดมั้ย ใส่ขวดจะได้ไม่พับ !!! เป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆที่น่าอึ้งมากอะ เกิดมาไม่เคยมีใครอาสาตัดหลอดใส่ขวดน้ำให้มาก่อน)
(ใครกันน้า) นั่งดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ผานกเค้าอีกรอบ
วันสุดท้าย รีบตื่นเช้าเพื่อไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ผานกเค้าอีกรอบ วันนี้อากาศเย็นกว่าคราวที่แล้วซะอีก แค่ 8 องศาเองมั้ง แต่คืนที่ผ่านมาไร้ปัญหาความหนาว เพราะเตรียมพร้อมมาอย่างดี ใส่เสื้อเต็มสตีม ถุงเท้า หมวก เกงเลก็ใส่ยีนส์ทับอีกชั้นนึง (ก็มันเอาไม่อยู่จริงๆนี่นา)
วันนี้โชคดี ฟ้าเปิด แต่กว่าพระอาทิตย์จะขึ้นมาจริงๆก็นาน จนเล่นเอานึกว่ามันคงไม่ขึ้นให้ดูแล้วมั้ง ดีที่ยังมัวแต่ถ่ายรูปอยู่ หันไปอีกที อ่าว อยู่ดีๆลูกกลมๆมันก็ขึ้นมาบนฟ้าอีกแล้ว เลยรีบวิ่งกลับไปถ่ายรูปอีกรอบ 55
ขากลับ หลังจากโอ้เอไปมา ก็เริ่มเดินทางสักสิบโมงครึ่งได้ จองรถกลับไว้บ่ายสามมั้ง เร่งกันแทบตายเพราะว่ากลัวจะตกรถ เหตุเพราะกว่าจะถึงหลังแปก็จะเที่ยงแล้ว เรากะไอ้แมนก็เลยรีบวิ่งเต็มสตรีมลงไปข้างล่างก่อน ไปเคลียร์เรื่องกระเป๋า พอทุกคนลงมาเสร็จก็รีบอพยพโบกสองแถว ตอนนั้นบ่ายสองห้าสิบห้ามั้ง ลุ้นแทบตาย ในที่สุดก็ขึ้นรถกลับกรุงเทพทัน รอดไป
ในที่สุด สี่วันสี่คืนกับประสบการณ์พิชิตภูกระดึงครั้งแรกก็ผ่านไป ต้องยอมรับจริงๆว่าสวยกว่าที่คิดไว้เยอะ แล้วก็ไม่ได้ลำบากอะไรมากขนาดนั้นด้วย (เพราะจองบ้านได้) แถมยังได้เพื่อนดีๆอีกหลายคนร่วมชีวิตกันฟันฝ่าจนได้ ผู้หญิงกรุ๊ปนี้อึดดีจริงๆ (ฮ่าๆ) จะว่าไปก็ไม่น่าเชื่อนะ ที่ยังรอดกลับมาได้เนี่ย ฮึดกันจริงๆ ไปเสม็ด เจอ sun sea sand นั่งเรือ ดำน้ำ อยู่ดีๆ ก็มาภูกระดึง ปีนเขา เดินทางไกล กับอากาศเย็นๆ ใช้ชีวิตคุ้มจัง ^^ ขอบคุณเพื่อนๆทุกคนที่ร่วมเดินทางไปด้วยกันนะ ไว้โอกาสหน้าไปอะไรแปลกๆกว่านี้อาจจะเกาะไปด้วย
เป็นอันว่า จบบล็อกภูกระดึง ห้าตอน อย่างบริบูรณ์ (สักที)
คราวหน้ามาต่อกับ อัมพวา ภาคสาม (ที่ยังไม่จบแค่ไตรภาคแน่นอน) ส่วนอีทีซีขอดองไปก่อนละกันนะ
วันนี้โชคดี ฟ้าเปิด แต่กว่าพระอาทิตย์จะขึ้นมาจริงๆก็นาน จนเล่นเอานึกว่ามันคงไม่ขึ้นให้ดูแล้วมั้ง ดีที่ยังมัวแต่ถ่ายรูปอยู่ หันไปอีกที อ่าว อยู่ดีๆลูกกลมๆมันก็ขึ้นมาบนฟ้าอีกแล้ว เลยรีบวิ่งกลับไปถ่ายรูปอีกรอบ 55
ขากลับ หลังจากโอ้เอไปมา ก็เริ่มเดินทางสักสิบโมงครึ่งได้ จองรถกลับไว้บ่ายสามมั้ง เร่งกันแทบตายเพราะว่ากลัวจะตกรถ เหตุเพราะกว่าจะถึงหลังแปก็จะเที่ยงแล้ว เรากะไอ้แมนก็เลยรีบวิ่งเต็มสตรีมลงไปข้างล่างก่อน ไปเคลียร์เรื่องกระเป๋า พอทุกคนลงมาเสร็จก็รีบอพยพโบกสองแถว ตอนนั้นบ่ายสองห้าสิบห้ามั้ง ลุ้นแทบตาย ในที่สุดก็ขึ้นรถกลับกรุงเทพทัน รอดไป
ในที่สุด สี่วันสี่คืนกับประสบการณ์พิชิตภูกระดึงครั้งแรกก็ผ่านไป ต้องยอมรับจริงๆว่าสวยกว่าที่คิดไว้เยอะ แล้วก็ไม่ได้ลำบากอะไรมากขนาดนั้นด้วย (เพราะจองบ้านได้) แถมยังได้เพื่อนดีๆอีกหลายคนร่วมชีวิตกันฟันฝ่าจนได้ ผู้หญิงกรุ๊ปนี้อึดดีจริงๆ (ฮ่าๆ) จะว่าไปก็ไม่น่าเชื่อนะ ที่ยังรอดกลับมาได้เนี่ย ฮึดกันจริงๆ ไปเสม็ด เจอ sun sea sand นั่งเรือ ดำน้ำ อยู่ดีๆ ก็มาภูกระดึง ปีนเขา เดินทางไกล กับอากาศเย็นๆ ใช้ชีวิตคุ้มจัง ^^ ขอบคุณเพื่อนๆทุกคนที่ร่วมเดินทางไปด้วยกันนะ ไว้โอกาสหน้าไปอะไรแปลกๆกว่านี้อาจจะเกาะไปด้วย
เป็นอันว่า จบบล็อกภูกระดึง ห้าตอน อย่างบริบูรณ์ (สักที)
คราวหน้ามาต่อกับ อัมพวา ภาคสาม (ที่ยังไม่จบแค่ไตรภาคแน่นอน) ส่วนอีทีซีขอดองไปก่อนละกันนะ
นึกอยู่ตั้งนานว่า metro แปลว่าไง
ว่าไปแล้ว ทำไม metrosexual ถึงเป็น metro + sexual? ความหมายมันดูไม่เห็นจะใกล้เคียงกับรากศัพท์เลย
เดกภาคคอมยังไม่มีโนตบุคเลยหวะ - -"
55555 ใครวะ พีแอนด์จี รู้แต่ไอ้เอก
จะเซ็นเซอร์ชื่อทามม้าย
อ่านแล้วก็รู้อยู่ดีว่าใคร
เด็กโลที่ metro ก็มีนะเว้ย
ไอแบงค์ไง
ฮ่าๆ