...ปัจจุบันสิ่งเหล่านี้กำลังเกิดขึ้นที่ดูไบ
วันนี้คุยกับณัชท่าไหนก็ไม่รู้ วกไปคุยถึงเรื่องดูไบจนได้ เรื่องของเรื่องคือ พยายามจะอธิบายให้เห็นถึงความเว่อร์ของแต่ละโครงการที่ผุดขึ้นมาไม่รู้จบในเมืองนี้ แต่เล่ายังไงก็คงไม่เหมือนเห็นภาพ วันนี้เลยไปหาๆมาให้ดูตามที่บอกเอาไว้
โครงการแรกๆ ที่คงเคยได้ยินกันเกี่ยวกับดูไบ คงจะหนีไม่พ้นโรงแรม Burj Al Arab ที่เป็นโรงแรม 7 ดาวและสูงที่สุดในโลก กับโครงการ The Palm Jumeirah ซึ่งเป็นเกาะที่มนุษย์สร้างขึ้นเป็นรูปต้นปาล์ม
แต่ถ้าท่านคิดว่านี่เว่อร์แล้ว โน้วววว เพราะโครงการ The Palm มีถึง สามภาค ด้วยกัน เพราะนอกจาก The Palm Jumeirah แล้ว ยังมีโครงการ The Palm Jebel Ali ซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 2 เท่าของโครงการแรก และ The Palm Deira ซึ่งแน่นอน ว่าใหญ่ที่สุด
ล่าสุด (มันยังไม่จบ) ...ลองเดาซิ มี The World แล้วจะมีอะไรต่อ... ใช่แล้ว! The Universe!!! โอ้พระเจ้าจอร์จ ฟังชื่อแล้วมันเว่อร์มาก
... แต่ไปๆมาๆ พอเห็นรูปแล้ว... Are you kidding me!? ไหงมันดูสิ้นคิดเหมือนโหลดรูปแผนที่แล้วเปิดโปรแกรม Paint ในวินโดวส์ คลิกโหมดดินสอ แล้ววาดสั่วๆไปซะงั้นอะ
เอาเหอะ และนั่นก็คือโปรเจคนอกชายฝั่งทั้งหมดของดูไบ
ใช่แล้ว! ดูไบยังมีโปรเจค บนฝั่ง อีกเยอะ
แต่ไว้มาต่อคราวหน้าละกัน (แค่นี้ก็เหนื่อยแล้ว)
เอ่อ สำหรับคนที่คิดว่า มันจะสร้างได้หมดจริงเรอะ... ถ้าพิจารณาจากความคืบหน้า (ปานสายฟ้าแล่บ) ในปัจจุบัน คงไม่มีข้อสงสัยว่ามันสร้างได้หมดจริงๆ เพราะภายในเวลาไม่กี่ปี โครงการ The Palm อันแรกก็เสร็จมาแล้ว ซึ่งอันที่สองกำลังจะเสร็จ เช่นเดียวกับ The World ใครว่างๆลองเปิด Google Earth แล้วพิมพ์ Dubai ก็จะเห็นเป็นรูปธรรมชัดเจน ซึ่งมานั่งคิดดู มันก็เป็นไปได้จริงๆ เพราะเขาทั้งเงินหนา และไม่มีงุบงิบ!
... ส่วนที่ว่า สร้างแล้วใครจะไปอยู่ โปรเจคปาล์มอันนึงก็แทบจะเอาคนไปอยู่ได้เป็นล้านแล้ว... แต่นะ ก็เขารวยจริง
Review: Logitech VX Nano Cordless Laser Mouse for Notebooks
2 Comments Published on 19.5.08 at 21:11.อยู่ดีๆ นิ้วชี้มื้อขวาก็เกิดอาการชานิดๆ
อาการนี้คงจะมาจากอะไรไม่ได้ นอกจาก ใ้ช้งานหนักเกินไป!? เนื่องจากงานนั้นพัวพันกับเอกสารจำนวนมหาศาล แถมต้อง scroll และกด Drag คลุม Cell Excel เป็นพันๆแถวบ่อยๆ ทำให้ต้องใช้นิ้วกดเม้าส์มากกว่าทำงานปกติเยอะ
ภาพตอนอาจารย์เป็ดเคยบ่นๆว่า เนี่ย เดี๋ยวพอแก่ๆ ต้องระวังนิ้วล็อค นี่แว้บกลับมาเลยทีเดียว
อยู่ดีๆำ็ก็นึกได้ว่า ไอ้พีทก็ไปเมกาอยู่นี่นา ถ้างั้นสั่งซื้อเม้าส์ผ่าน Amazon ไปส่งที่บ้านโต้ แล้วให้พีทแบกกลับก็น่าจะโอเค... ว่าแล้วก็เข้าไปหาข้อมูล แล้วก็ตัดสินใจจิ้มซื้อเม้าส์โน้ตบุ้ครุ่นทอปตัวใหม่ของ Logitech มาซะเลย! เพราะซื้อใน Amazon ตอนนี้มีโปรโมชั่น ลดไปตั้งราวๆ 20$ เหลือ 50$ บวกค่าชิปปิ้งแล้วก็ยังตกแค่ราวๆ 56$ ถูกกว่าที่ขายในเมืองไทยเป็นพัน (ขายกันตั้ง 2800)
อืม ใครจะว่าซื้อเม้าส์ไปทำไมตั้งเป็นพันๆ เหตุผลก็อย่างที่ว่าแหละ ซื้อเม้าส์ดีๆ น่าจะดีกับสุขภาพนิ้ว อำนวยความสะดวกในเรื่องการทำงาน และอีกอย่างก็คือ ซื้อมายังไงก็ได้ใช้จนคุ้มนั่นแหละ (แต่ก็นะ ถ้ายังไม่ได้ทำงาน คงไม่มีปัญญาจะซื้อ)
แล้วในที่สุด น้องหนูก็มาถึง หน้าตาตัวจริงดูดีกว่าในรูปซะอีก ส่วนสัมผัสก็ถนัดมือ (เย้ย!) น้ำหนักกำลังดีไม่เบาไม่หนักจนเกินไป
เม้าส์รุ่นนี้เป็นเม้าส์ Laser ซึ่งดีกว่า Optical ตรงที่มีความละเอียดสูงและใช้ได้เกือบทุกพื้นผิว (ยกเว้นกระจก) และเป็นเม้าส์ไร้สายแบบสัญญาณวิทยุ ซึ่งสาวกแม็คบางคนอาจจะอยากใช้เม้าส์ Bluetooth เพราะไม่ต้องมีตัว USB Receiver มาเสียบ แต่จากประสบการณ์ที่ลองเล่น Mighty Mouse ของคนอื่น ก็พอสรุปได้ว่าเม้าส์ Bluetooh นอกจากจะแพงแล้ว ยังตอบสนองได้ไม่ดีเท่าเม้าส์ RF (สัญญาณวิทยุ)
อย่างไรก็ตาม สำหรับเม้าส์รุ่นนี้ Logitech ก็ได้พัฒนาต้ว USB Receiver ใหม่ เป็น Nano Receiver ที่มีขนาดจิ๋วเท่าเหรียญบาท จากปกติที่ใหญ่พอๆกับ Thumb Drive ซึ่งก็เล็กพอที่จะเสียบค้างไว้ที่โน้ตบุ้คแล้วหิ้วใส่กระเป๋าไปไหนต่อไหนได้โดยไม่ต้องถอดออก
สำหรับ แบต ใช้ถ่าน AAA สองก้อน ซึ่งอ้างว่าใช้ได้ถึงราวๆหกเดือน! ซึ่งเม้าส์จะส่งสัญญาณไปที่คอม ซึ่งเราสามารถตรวจจากซอฟท์แวร์ของ Logitech ได้ว่าแบตเม้าส์ใช้ได้อีกประมาณกี่วัน ไฮโซโคตร
ตอนนี้ในคอมบอกว่าใช้ได้อีกราว 170 วัน ไว้เดี๋ยวจะคอยดูว่าจะอยู่ถึงจริงรึเปล่า จริงๆทำได้แค่เดือนนึงก็ภูมิใจแล้ว เพราะเม้าส์โนเนมอันเก่า เจองานโหดๆที่ออฟฟิศแค่อาทิตย์เดียวก็ร่วงแล้ว (ดีที่ออฟฟิศเบิกแบตได้ฟรี)
สำหรับการใช้งาน ก็มีออปชั่นโน่นนี่ให้สมกับที่ราคาแพงพอควร ซึ่งก็มีปุ่มพิเศษเพิ่มขึ้นมาสามปุ่ม ซึ่งเซตได้ว่าให้ทำอะไร อย่างในแม็คก็สามารถเซตปุ่มเรียกฟังก์ชั่น Expose' หรือ Spaces ได้ สะดวกสบายขึ้นพอควร แต่ที่ดีจริงๆกลับเป็นตัว Scroll แบบใหม่ ที่ลื่นไหลสบายสุดๆ จนสามารถ Scroll ไฟล์ Excel เป็นร้อยๆแถวได้เพียงการหมุนเพียงครั้งเดียว
สรุปว่า โดยทั่วไปแล้ว ถ้าใครอยากได้เม้าส์ดีๆ เม้าส์ตัวนี้ก็ไม่น่าทำให้ผิดหวัง แต่ราคาในเมืองไทยคงโหดร้ายไปหน่อย
หมายเหตุ : สำหรับคนที่ชอปของทาง Amazon โปรดระวังไว้อย่าง ถ้าของที่ซื้อไม่ใช่เป็นของของทาง Amazon เอง (เป็นร้านค้าอื่นที่ร่วมมือกับ Amazon) โปรดระวังการนับวันส่ง เพราะทั้งผม ทั้งพีท พลาดกันมาแล้ว เนื่องจากเวลาจะซื้อของจากร้านอื่น (Amazon Marketplace) มักจะขึ้นวันส่งไว้เพียงแค่ Estimate Shiping อย่างเดียว ซึ่งไม่ใช่วันที่เราจะไ้ด้ของ แต่เป็นวันที่ทางร้าน เริ่ม ส่งของ
หลังจากที่ร้านทำการส่งของแล้ว ระบบเช็คสถานะการส่งจึงค่อยขึ้น Estimate Arrival ซึ่งอันนี้แหละ ถึงเป็นวันที่ของน่าจะมาถึงเรา
เพราะฉะนั้น ถ้าใครเห็น Estimate Shipping ก็คงต้องบวกเวลาเผื่อจัุดส่งไปอีก ตามวิธีจัดส่งที่เลือกเอา บวกเวลาดีๆ จะได้ไม่ต้องมานั่งเซ็งแบบเรา -_-
-
#
22/5/08 17:49
ป๊อปพูดถึงของ import แล้วทำให้นึกถึงนี่ทุกที...
- # 25/5/08 01:17
เชื่อว่าใครที่เคยรื้อห้องแล้วเจอของเก่าๆ คงจะมีความรู้สึกคล้ายๆกัน
คือเหมือนได้เดินทางผ่านไทม์แมชชีน ย้อนไปในวันเวลาเก่าๆ
เจอการ์ดอวยพรวันเกิดจากเพื่อนๆ สมัย ม2 ที่ซุ่มกันทั้งห้อง (แถมลนไฟมาให้ด้วย ด้วยเหตุผลว่าจะได้ดูขลัง) 555
เจอการ์ดที่เขียนไว้ตอนสมัยเด็ก เขียนอธิบายตัวเอง ว่าเป็นคนยังไง และภูมิใจในเรื่องใดบ้าง
...ไม่น่าเชื่อว่าสิ่งที่เขียนในวันนั้น บอกความเป็นตัวตนของตัวเองได้ดีกว่าที่มานั่งคิดในช่วงนี้ซะอีก!
เปิดไปเจอกล่องเพลง ที่ร่วมกันละเลงสีกับเพื่อนๆ ตอนไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ญี่ปุ่นเมื่อ 11 ปีก่อน...
ที่ภายนอกดูไม่สวยเล้ย แต่ข้างในกลับเต็มไปด้วยความทรงจำที่สวยงาม เพราะนอกจากจะมีเสียงเพลงโรงเรียนมินามิแล้ว ก็ยังจดหมายจากเพื่อนๆญี่ปุ่น (ตอนนั้นไปแค่สองสัปดาห์ นั่งในห้องเรียนจริงๆ ไม่กี่ชั่วโมงด้วยซ้ำ เพราะต้องไปทำกิจกรรมโน่นนี่) ซึ่งส่วนมากก็เขียนแค่ Hello / Thank you / Take Care / Good Bye / Nice to meet you หรือจดหมายจาก okasan (คุณแม่ -- โฮสต์) ที่เขียนมาเป็นภาษาญี่ปุ่นเต็มๆ
...ถึงแม้จะอ่านไม่ออกเลยสักนิด ... แต่ความหมายสื่อถึงกันได้จริงๆ
ว่าแล้วก็นึกถึงตอนที่ Okasan พยายามเอาใจ ไปหาคนอร์ต้มยำก้อนมาทำต้มยำให้ แล้วก็มาอวด ...ปรากฏว่า ต้มยำแก สีขาวมาเชียว เพราะเล่นใส่กะทิลงไป -_-" แถมรสก็จืดชืดสุดๆ เลยบอกไปว่า แบบนี้เค้าเรียกต้มข่าไก่แล้วล่ะ... แล้วก็ขอน้ำมะนาวมาเติมด้วย ปรากฏว่าที่นั่นมีแต่น้ำมะนาวแบบเลม่อน มาเป็นขวดรูปเลม่อนเลย น่ารักสุดๆ แต่ไม่เปรี้ยวเล้ยยย ก็เลยเทพรวดลงไปหมดขวด Okasan ถึงกับทำตาลุกวาวแบบตกใจปนสยองอย่างแรง เพราะไม่คิดว่าจะกินกันเปรี้ยวขนาดนี้ ...(ไม่อยากบอกว่าที่ใส่ลงไปน่ะยังจืดอยู่เลย)
จะว่าไป ช่วงเวลา 2-3 สัปดาห์ ที่ไปญี่ปุ่นตอนเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่เซโตดะ อูบูยาม่านั้น เป็นช่วงเวลาที่สุดแสนจะวิเศษในชีวิตจริงๆ
ด้วยช่วงเวลาที่ไป เป็นตอน ป5 กับ ม2 เลยได้ประสบการณ์อันแสนวิเศษ เพราะมิตรภาพที่เกิดขึ้นเป็นความบริสุทธ์ล้วนๆ ไม่มีการคิดมากโน่นนี่ใดๆทั้งสิ้น
...ในพิธีอำลา บทพูดที่เตรียมมาก่อนตั้งแต่อยู่เมืองไทย เคยกล่าวไว้ว่า จะไม่มีวันลืม ประสบการณ์ และมิตรภาพในครั้งนี้ ... ในวันนี้ สิ่งเหล่านั้นก็ยังเป็นอย่างนั้นจริงๆ
ถึงแม้ภาพหลายอย่างจะเลือนหาย แต่ความรู้สึกดีๆนั้นยังอยู่
ถ้าใครจะถามว่าชีวิตมีความสุขมากที่สุดตอนไหน ก็คงต้องตอบอย่างไม่ลังเลว่าเป็นคงตอนม. ต้น เพราะหลายสิ่งในชีวิตช่วงนั้นสุดยอดจริงๆ และเป็นความสุขแบบปราศจากอคติ หรือความเคลือบแคลงโดยสิ้นเชิง เพราะมีแต่ความปรารถนาดี ความรัก ความอบอุ่นรอบตัวเรา แม้ว่าเราอาจจะไม่รู้จักคนเหล่านั้นเลยก็ตาม
...ทุกอย่างบอกได้จากรอยยิ้มบนรูปภาพ
ถึงแม้ว่า ในวันนี้ ถ้าเกิดได้ไปเจอคนเหล่านั้นจริงๆ ความรู้สึกเหล่านั้นอาจจะจางหายไปตามจังหวะชีวิต แต่ช่วงเวลาพิเศษเหล่านั้น ก็ยังคงอยู่ต่อไป นี่แหละมั้ง เขาถึงเรียกกันว่าเป็นความพิเศษของความทรงจำเหล่านี้
เป็นสิ่งที่ช่วยเตือนเรา ...ว่าอย่างน้อย ...ก็ยังมีช่วงเวลาหนึ่งในชีวิต ที่เราเป็นคนสำคัญ มีคุณค่า ของใครหลายๆคน
ปล. มาถึงตอนนี้ เพิ่งจะเห็นคุณค่าของ 'วันที่' บนรูปถ่าย ซึ่งตอนนั้นปิดโหมดไปเพราะมีแล้วรูปไม่สวย
ปล2. ถ้าใครเจอฟิลม์ถ่ายรูปเก่าๆมากมาย แนะนำให้เอาไปแสกนเก็บเป็น CD ได้แล้ว บางอันเก็บไว้ไม่ดีเจอแดดเลีย สีเสียเลย -_- ร้านแถวตรงข้ามเซนทรัลลาดพร้าวคิดประมาณม้วนละ 20 บาทเอง
ปล3. เพื่อนโรงเรียนท่านใดสนใจรูปเก่าๆ ลองรีเควสท์มา เผื่อมี 55
-
#
19/5/08 01:07
หึ ๆ... อย่าเผลอปล่อยให้พอเข้าโหมดหลงอดีตเชียวนะ เดี๋ยวจะยาว...
เอานี่ก่อนละกัน...
http://web.archive.org/web/20010523145611/www.skynetone.com/297/frtext.htm
scroll ลงไปหน่อย จะเห็นลิงก์ Oha Japan ยังเหลืออยู่... น่าเสียดายที่ Internet Archive ไม่ crawl ให้ละเอียดกว่านี้ (ไม่รู้เจ้าตัวเองจะยังมีอยู่หรือเปล่า?)
แต่เราจำได้นะ ตอน ม.3 ป๊อปบ้าพลัง Flash มาก ทำ Club 29 ออกมาแต่ละเวอร์ชัน ทำเอาเน็ต 28.8 kbps สมัยนั้นอืดดด ไปตาม ๆ กัน
(Worst things in Japan ข้อแรกรู้สึกจะเป็น "Land of smoke!" ถ้าจำไม่ผิด) - # 19/5/08 10:58
- # 19/5/08 11:09
- # 19/5/08 13:45
- # 19/5/08 16:40
ขณะนี้เป็นเวลา 8.56 น. ระหว่างนั่งรอก่อนการประชุม ขอแว้บมาอัพบล็อกหน่อยละกัน! (เอ๊ะ เค้านัดกันแปดโมงครึ่งไม่ใช่เรอะ?)
สุดสัปดาห์ที่แล้วเกือบจะพลาดสิ่งดีๆหลายๆอย่างไปเสียแล้ว งานที่นึกว่าจะเสร็จเมื่อวันศุกร์ก็ดันเจอเรื่องที่ต้องแก้ซะงั้น กว่าจะลนลานออกจากออฟฟิศได้ก็เกือบทุ่มครึ่ง จริงๆแล้วมันก็ไม่ใช่เวลาที่ดึกอะไรหรอก แต่พอดีว่าวันนั้นดันเป็นคนนัดชวนเพื่อนๆ IE มาทานข้าวเย็นกันน่ะสิ สุดท้ายก็เลยไปเลทซะงั้น ไม่น่าเชื่อว่าทุกคนจะแก่ลงได้ขนาดนี้เพียงแค่ใส่ชุดทำงาน -_-"
ไว้คราวหน้านัดวันเสาร์ละกัน จะได้เจอตี๋ได้
นอกจากเรื่องมีตติ้งเพื่อนๆที่คงเสียดายแย่ถ้ามัวแต่ทำงาน ก็มีปาร์ตี้ BBQ รวมหมู่ญาติที่บ้านใหม่หยี่อี๊ คราวนี้โต้โผใหญ่จัดอาหารก็คงเป็นเจ็กตี้เหมือนเคย คนนี้อย่าได้ริท้าอะไรทั้งสิ้น คราวก่อนเคยท้าให้ทำโต๊ะจีน ก็ทำมาจริๆ เล่นแทบจะขนบ้านมาทำตั้งแต่ออเดิร์ฟ เมน ของหวาน ยันชาเขียว!
มาวันนี้ก็เปลี่ยนจากโต๊ะจีนมาเป็นบาร์บีคิวแทน แต่ความอลังการไม่เคยลด แค่เห็นของที่ทยอยเอาลงมาก็อึ้งและ (ถึงแม้ว่าจะคาดหวังว่า จะเห็นของเยอะมากมายสำหรับเลี้ยงคนยี่สิบกว่าคนแล้วก็เหอะ)
เพราะที่เห็นคือ เครื่องปรุง จาน เครื่องครัว ขนมาอย่างกะเปิดร้านอาหาร รวมไปถึงบรรดาวัตถุดิบที่แทบจะทุกอย่างที่นึกถึง ตั้งแต่ ผัก เห็ด ข้าวโพด ปูม้า ปูทะเล ปลา ปลาหมึก กุ้ง สารพัดหอย ทั้งหอยแมงภู่ หอยแครง หอยเชลล์ หมู ไก่ ปีกไก่เล็ก ซี่โครงหมู ฯลฯ
แล้วโรงงานนรกก็เปิดขึ้น กับมหกรรมเสียบไม้บาร์บีคิว (นึกถึงตอนไปเขาใหญ่จัง) ซึ่งเห็นอย่างนี้ มีหมักหลายสูตรซะด้วย ทั้งสูตรพริกไทยดำ และสูตรน้ำผึ้ง อืมมมมมมมมมม
คงไม่ต้องบอกว่าเป็นการกินที่มารธอนสุดๆ งานนี้ขอให้คะแนนประเมินดังนี้
ข้าวโพด : คราวนี้ไม่ได้เอาเนยมาละลายคลุกกับน้ำตาลแบบตอนเขาใหญ่ แต่ใช้มาร์การีนกับน้ำเชื่อมทา เลยอร่อยสู้ที่เขาใหญ่ไม่ได้
กุ้ง : สดโคตรรร เนื้อแน่นกรอบได้ใจ
ปลา : ไม่น่าเชื่อว่าจะย่างได้พอดีขนาดนี้ อร่อยสุดๆ
ปลาหมึก : ย่างอย่างนี้อร่อยชัวร์อยู่แล้ว
บาร์บีคิว : ขอยกมือให้บาร์บีคิวน้ำผึ้ง
ปีกไก่ : ปีกไก่ทอดว่าอร่อยแล้ว แบบหมักย่างอร่อยกว่าอีก
ปูทะเล : ขี้เกียจแกะ ร้อนมือ -_-
หอยแมงภู่ : ลวกเร็วไปนี้ดส์ มียังไม่อ้าหลายตัวอยู่ เสียดาย แต่สดสุดๆ
ซี่โครงหมู : Pork Ribs ชิ้นโต เนื้อนุ่มม ได้รางวัลชนะเลิศวันนี้ไปเลย อร่อยโคตรรรรรร
....
ยังไม่หมด!!!!
ยังมีบรรดาผลไม้ที่เอามาสมทบ และตบท้ายด้วยของหวานฝีมือเชฟซัง ^^ ที่เพิ่งเรียนจบมาหมาดๆ กับ
Caramel Pana Cotta ที่คราวนี้มาแบบเนื้อแน่น (แต่ถ้าคาราเมลหอมไหม้อีกนิดจะเวิร์คมาก) กะเค้กกล้วยหอมที่หอมอร่อยสุดๆ (ได้ข่าวว่าใช้น้ำมันมะกอก มิน่า)
เฮ่อ เป็นอีกมื้อประวัติศาสตร์ ยังดีที่คราวนี้ใช้จานโฟมกัน เลยไม่ต้องมานั่งล้างแบบคราวก่อน ไม่งั้นตายแน่ๆ
เขียนบล็อกนี้ตอนดึกๆช่างทรมานท้องดีแท้ แว่บไปหาอะไรกินดีกว่า :P
รอรูป Burj Dubai อยู่...