ช่วงนี้ได้เข้าไปทำโปรเจคใหม่ๆ แล้วก็ได้ทำงานร่วมกับทีมใหม่ๆ ซึ่งก็มีชาวต่างชาติอยู่ด้วย (แถมพูดไทยได้อีก!)
แน่นอนว่าพอได้คุยถึงเรื่องต่างๆ ก็มีเหตุต้องวกเข้าไปถึงเรื่อง 'ประเทศไทย' อยู่บ่อยๆ เรื่องภาษีที่ดินที่รัฐบาลกำลังจะชงบ้าง เรื่องม๊อบบ้าง ซึ่งบางครั้งเวลาเธอถามกลับมาว่า "แล้วทำไมคนไทยถึงปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้ล่ะ" ก็จนปัญญาจะตอบจริงๆครับ ได้แต่ตอบไปว่า
"You know, because this is Thailand"
จนกระทั่งวันนึง กำลังนั่งรถขึ้นทางด่วน ผ่านรถไฟฟ้าสาย Airport Express ไปสุวรรณภูมิที่กำลังสร้างอยู่ เธอก็ comment มาว่า "เนี่ย เสียดายจัง น่าจะเปิดพร้อมกับสนามบินนะ ถ้ามีคงสะดวกมาก"
ไอ้เราก็ตอบไปแบบไม่ได้คิดอะไร "อืม จริง แต่แค่มีได้นี่ก็ดีแล้วล่ะ"
แต่บทสนทนาถัดไปกลับทำให้อึ้งไปสักพักนึง...
"Why you're so skeptical about your country จัง"
....
นั่นสินะ...
หรือมันจะจริง... ที่เขาว่าคนไทยชอบดูถูกตัวเอง (ไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม)
หรือมันจะจริง... ที่กรอบความคิดเหล่านี้ทำให้ประเทศจมปลักอยู่กับเรื่องแบบนี้
แล้วคุณล่ะ...ว่ายังไง?
แน่นอนว่าพอได้คุยถึงเรื่องต่างๆ ก็มีเหตุต้องวกเข้าไปถึงเรื่อง 'ประเทศไทย' อยู่บ่อยๆ เรื่องภาษีที่ดินที่รัฐบาลกำลังจะชงบ้าง เรื่องม๊อบบ้าง ซึ่งบางครั้งเวลาเธอถามกลับมาว่า "แล้วทำไมคนไทยถึงปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้ล่ะ" ก็จนปัญญาจะตอบจริงๆครับ ได้แต่ตอบไปว่า
"You know, because this is Thailand"
จนกระทั่งวันนึง กำลังนั่งรถขึ้นทางด่วน ผ่านรถไฟฟ้าสาย Airport Express ไปสุวรรณภูมิที่กำลังสร้างอยู่ เธอก็ comment มาว่า "เนี่ย เสียดายจัง น่าจะเปิดพร้อมกับสนามบินนะ ถ้ามีคงสะดวกมาก"
ไอ้เราก็ตอบไปแบบไม่ได้คิดอะไร "อืม จริง แต่แค่มีได้นี่ก็ดีแล้วล่ะ"
แต่บทสนทนาถัดไปกลับทำให้อึ้งไปสักพักนึง...
"Why you're so skeptical about your country จัง"
....
นั่นสินะ...
หรือมันจะจริง... ที่เขาว่าคนไทยชอบดูถูกตัวเอง (ไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม)
หรือมันจะจริง... ที่กรอบความคิดเหล่านี้ทำให้ประเทศจมปลักอยู่กับเรื่องแบบนี้
แล้วคุณล่ะ...ว่ายังไง?
วันนี้เสียทรัพย์มากมายครับ
เนื่องจากตอนนี้ที่บ้านกำลังทำห้องใหม่อยู่ห้องนึง ซึ่งจะเป็นห้องใหม่ของผมเองในอนาคต คราวนี้ก็มันส์มือสิครับ รายได้ก็เริ่มมีแล้ว ท่านผู้ปกครองเลยบอกว่าอยากได้อะไรก็ไปหาซื้อมาเองละกัน
ด้วยความที่ก็ไม่ค่อยรู้แหล่งซื้อเฟอร์นิเจอร์อะไรเท่าไหร่ สรุปก็ไปลงเอยดูตาม 'ห้าง' ซึ่งก็หนีไม่พ้น Index Living Mall กับ SB Design Center เนื่องจากใหญ่ มีแคตาล็อกให้หยิบกลับมานั่งดูพิจารณาได้ง่ายๆ
...แต่ราคาก็สูงไปด้วยเนี่ยสิ...
รูดปรื๊ดไปทีก็สะท้านไปทั้งตัว... พี่คนขายเค้าจะเข้าใจเรามั้ยน้าาา ว่าที่นั่งหัวโด่มาเลือกของเองคนเดียวเนี่ย ตังค์ผมเองนะคร้าบพี่ ของสวยน่ะผมไม่เถียง แต่งบผมจำกัดคร้าบบบบ
จริงๆนะครับ คนที่เริ่มมีรายได้ ค่าใช้จ่ายก็เพิ่มขึ้นมาทันตาเห็น
ตั้งแต่ค่าอาหาร กลางวันอย่างต่ำก็ปาเข้าไปห้าสิบแล้ว ถ้าวันไหนรีบ ต้องกินใต้ตึก ก็เตรียมเสียหลักร้อยไปได้เลย (ออฟฟิศก็ดั๊นอยู่ในตึกเกรดเอ ราคาอาหารก็โหดตามไปด้วย)
แต่นั่นไม่น่ากลัวกับความคิดที่ว่ามีเงินแล้ว ก็ใช้กันมันส์สิครับ
หลายคนคงพอได้ยินมาว่างานที่ทำอยู่ตอนนี้นั้นแสนจะหนัก คงได้เงินอย่างเดียว ไม่มีเวลาใช้... ทีแรกก็คิดอย่างนั้นเหมือนกันครับ แต่พอมาถึงสิ้นเดือนทีไร 'เงินมันหายไปทู้กที' :P
ก็คงอย่างที่ว่าแหละครับ ผู้ชายไม่ค่อยชอปเท่าไหร่ แต่จ่ายทีก้อนโตมากมาย
ไอ้ 'ก้อนโต' พวกนี้ก็ไม่กองกับบรรดา Gadget ทั้งหลาย ตั้งแต่เม้าส์สุดเลิฟ น้องแมงกะพรุน(Soundsticks II) ล่าสุดก็ค่าเฟอร์ในห้องเนี่ยแหละ (ซึ่งคงยังไม่หมดแค่นี้ ยังต้องซื้ออีกหลายชิ้น)
เนื่องจากตอนนี้ที่บ้านกำลังทำห้องใหม่อยู่ห้องนึง ซึ่งจะเป็นห้องใหม่ของผมเองในอนาคต คราวนี้ก็มันส์มือสิครับ รายได้ก็เริ่มมีแล้ว ท่านผู้ปกครองเลยบอกว่าอยากได้อะไรก็ไปหาซื้อมาเองละกัน
ด้วยความที่ก็ไม่ค่อยรู้แหล่งซื้อเฟอร์นิเจอร์อะไรเท่าไหร่ สรุปก็ไปลงเอยดูตาม 'ห้าง' ซึ่งก็หนีไม่พ้น Index Living Mall กับ SB Design Center เนื่องจากใหญ่ มีแคตาล็อกให้หยิบกลับมานั่งดูพิจารณาได้ง่ายๆ
...แต่ราคาก็สูงไปด้วยเนี่ยสิ...
รูดปรื๊ดไปทีก็สะท้านไปทั้งตัว... พี่คนขายเค้าจะเข้าใจเรามั้ยน้าาา ว่าที่นั่งหัวโด่มาเลือกของเองคนเดียวเนี่ย ตังค์ผมเองนะคร้าบพี่ ของสวยน่ะผมไม่เถียง แต่งบผมจำกัดคร้าบบบบ
จริงๆนะครับ คนที่เริ่มมีรายได้ ค่าใช้จ่ายก็เพิ่มขึ้นมาทันตาเห็น
ตั้งแต่ค่าอาหาร กลางวันอย่างต่ำก็ปาเข้าไปห้าสิบแล้ว ถ้าวันไหนรีบ ต้องกินใต้ตึก ก็เตรียมเสียหลักร้อยไปได้เลย (ออฟฟิศก็ดั๊นอยู่ในตึกเกรดเอ ราคาอาหารก็โหดตามไปด้วย)
แต่นั่นไม่น่ากลัวกับความคิดที่ว่ามีเงินแล้ว ก็ใช้กันมันส์สิครับ
หลายคนคงพอได้ยินมาว่างานที่ทำอยู่ตอนนี้นั้นแสนจะหนัก คงได้เงินอย่างเดียว ไม่มีเวลาใช้... ทีแรกก็คิดอย่างนั้นเหมือนกันครับ แต่พอมาถึงสิ้นเดือนทีไร 'เงินมันหายไปทู้กที' :P
ก็คงอย่างที่ว่าแหละครับ ผู้ชายไม่ค่อยชอปเท่าไหร่ แต่จ่ายทีก้อนโตมากมาย
ไอ้ 'ก้อนโต' พวกนี้ก็ไม่กองกับบรรดา Gadget ทั้งหลาย ตั้งแต่เม้าส์สุดเลิฟ น้องแมงกะพรุน(Soundsticks II) ล่าสุดก็ค่าเฟอร์ในห้องเนี่ยแหละ (ซึ่งคงยังไม่หมดแค่นี้ ยังต้องซื้ออีกหลายชิ้น)
ตอนนี้เลยเริ่มหาวิธีคุมค่าใช้จ่าย เลยพยายามเก็บทุกสลิปบัตรเครดิต / บัตรเอทีเอ็ม แล้วเอามาลองทำบัญชีส่วนตัวขึ้นมาขำๆ แต่ผลออกมาไม่ค่อยขำเลยครับ ของแบบนี้ไม่ลองไม่รู้ ถ้าใครได้ลองทำจะตกใจเหมือนๆกัน ว่านี่ตูจ่ายไปกับค่าไอ้นี่มันมากขนาดนี้เลยเหรอ !!!
เห็นทีคงจะต้องตั้งเป้าการออมสักที นับตั้งแต่เดือนนี้ คงต้องออมให้ได้ 40% ของเงินเดือนให้ได้ ฮึ่ย! (จะไหวมั้ยน้าาา)
ไม่ทราบว่า เพื่อนๆแต่ละคนมีการตั้งเป้าการใช้เงินกันบ้างรึเปล่า เช่น เป้าการออม หรือเงินให้พ่อแม่ในแต่ละเดือน?? หรือถ้าใครมีทริกก็มากระซิบกันบ้างนะครับพ้ม :)
วันก่อนมีโอกาสไปเดินสยามครับ
... ไม่น่าเชื่อว่า พอทำงานแล้ว ต้องใช้คำว่า "มีโอกาสไปเดิน"
ไหนๆก็ไปแถวนั้นแล้ว เลยขออัพเดทกับเค้าหน่อย ด้วยการไปเยี่ยม หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ที่เพิ่งเปิดใหม่ซะหน่อย
ถ้าใครพอรู้ประวัติ คงพอทราบดีว่า กว่าจะได้หอศิลป์อันนี้มา มีการต่อสู้ทางการเมืองมามากมาย เพราะสมัยที่คุณชมพู่ยังเป็นผู้ว่า กทม อยู่นั้น ท่านมีไอเดียแผลงๆจะแปลงร่างตึกนี้เป็นกึ่งที่จอดรถ กึ่งหอศิลป์ซะงั้น ซึ่งบรรดาศิลปินทั้งหลายก็ออกมาประท้วงมากมาย ผลก็คือโครงการนี้ถูกดองเค็มไป จนเปลี่ยนมาเป็นผู้ว่าหล่อเล็กคนปัจจุบัน หอศิลป์นี้จึงเสร็จขึ้นมาจริงๆ
ตึกนี้มองภายนอกอาจดูเกือบๆธรรมดาทั่วไป ไม่มีอะไรหวือหวามาก แต่ขอบอกว่า ข้างในไม่ธรรมดาจริงๆ ไม่ทราบเหมือนกันว่าใครเป็นสถาปนิก คงต้องให้เครดิตที่ออกแบบหอศิลป์มาได้ cool! จริงๆ (ถึงแม้จะดูเก็บงานไม่เนี้ยบเท่าไหร่ แต่นั่นเป็นคนละเรื่องกัน)
ถ้าเห็นรูป คงพอบอกได้ว่า สถาปัตยกรรมที่นี่เล่นกับรูปทรงทางเรขาคณิต โดยเฉพาะวงกลม
หอศิลป์แห่งนี้มี 9 ชั้น + 1 ชั้นใต้ดิน ชั้น 7-9 (ถ้าจำไม่ผิด) ไม่มีบันไดเลื่อนขึ้น แต่ต้องออกกำลังเอาเองด้วยการเดินทางลาดชันวนๆขึ้นไป (เท่ห์แต่เมื่อยสุดๆ แนะนำให้ขึ้นบันไดธรรมดา...ซึ่งหวาดเสียวเล็กน้อยเนื่องจากมันดูลอยๆ หรือขึ้นลิฟต์แทน)
สำหรับช่วงนี้ ถึงวันที่ 24 สิงหาคม ทางหอศิลป์ได้จัดแสดงนิทรรศการ "ชีวิตที่หมุนไปไม่หยุดยั้ง" ซึ่งรวบรวมภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ตลอดเวลา 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งดูไปก็อมยิ้มไป :)
ถ้าใครว่างๆ ลองแวะไปดูก็ดีนะครับ
สำหรับช่วงนี้ ถึงวันที่ 24 สิงหาคม ทางหอศิลป์ได้จัดแสดงนิทรรศการ "ชีวิตที่หมุนไปไม่หยุดยั้ง" ซึ่งรวบรวมภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ตลอดเวลา 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งดูไปก็อมยิ้มไป :)
ถ้าใครว่างๆ ลองแวะไปดูก็ดีนะครับ
ยังครับ
ยังไม่ปิดทำการ
บล็อกนี้ยังอยู่
เพียงแค่... คนเขียน เหนื่อยไปหน่อย
ตอนนี้ก็เพิ่งจะผ่านงานก้อนโตไป เป็นสามเดือนที่ทรหดสุดๆ แต่เมื่อมองย้อนกลับไป ก็พบว่าตัวเองได้ก้าวผ่านข้อจำกัดมามากมายเหลือเกิน
หวังว่าในอนาคต คงจะสามารถหาสมดุลระหว่างงานกับชีวิตได้ดีกว่านี้ หลังจากเสียศูนย์ไปพอดู
... ช่วงนี้กำลังอินกับ "Avenue Q" Broadway Soundtrack ที่พีทส่งมาให้ฟัง หลังจากไปดูมาที่อเมริกา
เนื้อหาของเพลงหลายเพลง โคตรโดนจริงๆครับ... วันนี้ฝากเพลงนึงที่เข้ากับเรื่องที่เขียนอยู่ละกัน
ชีวิตหลังมหาลัย ถ้าใครยังไม่ได้พ้นมา คงนึกไม่ออกจริงๆ ว่าก่อนหน้านี้ ชีิวิตเรามันง่ายเหลือเกิน
ชีวิตที่มีแบบแพลนมาให้ แค่พาตัวเองเข้าห้องเรียน เบื่อก็โดดได้
ชีวิตจริงมันไม่ง่ายอย่างงั้นแฮะ
(หรือตัวเองทำให้มันยากเองหว่า)?
ปล. ละครเวทีเรื่องนี้เป็นละครหุ่นเชิดแบบ Sesame Street ครับ เสียงคนร้องเลยเป็นแบบนั้น แต่เนื้อหาของเรื่องนี่ไ่ม่เด็กติ๊งต๊องเล้ยยย เรียกว่าเป็น Sesame Street สำหรับคนเพิ่งจบมหาลัยก็แล้วกัน
ยังไม่ปิดทำการ
บล็อกนี้ยังอยู่
เพียงแค่... คนเขียน เหนื่อยไปหน่อย
ตอนนี้ก็เพิ่งจะผ่านงานก้อนโตไป เป็นสามเดือนที่ทรหดสุดๆ แต่เมื่อมองย้อนกลับไป ก็พบว่าตัวเองได้ก้าวผ่านข้อจำกัดมามากมายเหลือเกิน
หวังว่าในอนาคต คงจะสามารถหาสมดุลระหว่างงานกับชีวิตได้ดีกว่านี้ หลังจากเสียศูนย์ไปพอดู
... ช่วงนี้กำลังอินกับ "Avenue Q" Broadway Soundtrack ที่พีทส่งมาให้ฟัง หลังจากไปดูมาที่อเมริกา
เนื้อหาของเพลงหลายเพลง โคตรโดนจริงๆครับ... วันนี้ฝากเพลงนึงที่เข้ากับเรื่องที่เขียนอยู่ละกัน
ชีวิตหลังมหาลัย ถ้าใครยังไม่ได้พ้นมา คงนึกไม่ออกจริงๆ ว่าก่อนหน้านี้ ชีิวิตเรามันง่ายเหลือเกิน
ชีวิตที่มีแบบแพลนมาให้ แค่พาตัวเองเข้าห้องเรียน เบื่อก็โดดได้
ชีวิตจริงมันไม่ง่ายอย่างงั้นแฮะ
(หรือตัวเองทำให้มันยากเองหว่า)?
ปล. ละครเวทีเรื่องนี้เป็นละครหุ่นเชิดแบบ Sesame Street ครับ เสียงคนร้องเลยเป็นแบบนั้น แต่เนื้อหาของเรื่องนี่ไ่ม่เด็กติ๊งต๊องเล้ยยย เรียกว่าเป็น Sesame Street สำหรับคนเพิ่งจบมหาลัยก็แล้วกัน
I Wish I Could Go Back to College
KATE MONSTER:
I wish I could go back to college.
Life was so simple back then.
NICKY:
What would I give to go back and live in a dorm with a meal plan again!
PRINCETON:
I wish I could go back to college.
In college you know who you are.
You sit in the quad, and think, "Oh my God!
I am totally gonna go far!"
ALL:
How do I go back to college?
I don't know who I am anymore!
PRINCETON:
I wanna go back to my room and find a message in dry-erase pen on the door!
Ohhh...
I wish I could just drop a class...
NICKY:
Or get into a play...
KATE MONSTER:
Or change my major...
PRINCETON:
Or fuck my T.A.
ALL:
I need an academic advisor to point the way!
We could be...
Sitting in the computer lab,
4 A.M. before the final paper is due,
Cursing the world 'cause I didn't start sooner,
And seeing the rest of the class there, too!
PRINCETON:
I wish I could go back to college!
ALL:
How do I go back to college?!
AHHHH...
PRINCETON:
I wish I had taken more pictures.
NICKY:
But if I were to go back to college,
Think what a loser I'd be-
I'd walk through the quad,
And think "Oh my God..."
ALL:
"These kids are so much younger than me."
ผมค่อนข้างเห็นด้วยกับประโยคสุดท้ายของพี่ป๊อปนะครับ
คือเมื่อไหร่ที่มองว่า ปรากฏการณ์บางอย่างที่เกิดขึ้นนั้น เป็นเพียงเพราะว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่พิเศษ
คำอธิบายนี้ อาจจะจริงก็ได้ แต่ผมมองว่าประโยคนี้มันอันตรายตรงที่ มันทำให้เราเลิกคิดต่อถึงวิธีการแก้ปัญหาทันทีเลย
ทุกอย่างเกิดจากคน
และทุกคนคือต้นเหตุของการกระทำ
มึงคือต้นเหตุที่ 9/11
กูคือต้นเหตุของสงครามภาคใต้