(วันนี้ขอนอกเรื่อง)
ใครที่สงสัยว่าปิดเทอมกูไปทำอะไร คณะมีงานทำไมไม่เข้า หรือกระทั่ง ทำไมไม่อัพได
ผมทำงานคร้าบ
ในทึ่สุดวันนี้งานก็(เกือบ)เสร็จซะที เหนื่อยใช้ได้เลยนะเนี่ย
(ต้องกลับมาแก้รายละเอียดจุกจิกอีก แต่อย่างน้อยภาพรวมก็เสร็จให้อัพโหลดอย่างเป็นทางการแล้ว)
เว็บ http://www.siambike.co.th ของบริษัท สยามไบค์ แอนด์ พาร์ท
ก็พร้อมเปิดบริการออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมงแล้ว ณ บัดนี้
ใครสนใจการขี่จักรยานเสือภูเขา เสือหมอบ ห้ามพลาด
โดยเฉพาะใครที่ฝันถึงจักรยาน Specialized
อย่าลืมให้ความคิดเห็นเรื่องเว็บด้วยนะครับ ใครมีข้อเสนอ ติ ชม ยังไงก็ว่ามา
ใครที่สงสัยว่าปิดเทอมกูไปทำอะไร คณะมีงานทำไมไม่เข้า หรือกระทั่ง ทำไมไม่อัพได
ผมทำงานคร้าบ
ในทึ่สุดวันนี้งานก็(เกือบ)เสร็จซะที เหนื่อยใช้ได้เลยนะเนี่ย
(ต้องกลับมาแก้รายละเอียดจุกจิกอีก แต่อย่างน้อยภาพรวมก็เสร็จให้อัพโหลดอย่างเป็นทางการแล้ว)
เว็บ http://www.siambike.co.th ของบริษัท สยามไบค์ แอนด์ พาร์ท
ก็พร้อมเปิดบริการออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมงแล้ว ณ บัดนี้
ใครสนใจการขี่จักรยานเสือภูเขา เสือหมอบ ห้ามพลาด
โดยเฉพาะใครที่ฝันถึงจักรยาน Specialized
อย่าลืมให้ความคิดเห็นเรื่องเว็บด้วยนะครับ ใครมีข้อเสนอ ติ ชม ยังไงก็ว่ามา
วันนี้ไปงานหนังสือมา
หลังจากที่แวะไปเมื่อวันอาทิตย์แล้วเกิดอาการตกตะลึงกับคลื่นมหาชลที่อัดแน่นจนไม่มีที่จะให้อ่านหนังสือ เลยตัดสินใจกลับโดยไม่เสียตังสักบาทเดียว
สงสัยวันนี้จะเกิดอาการเก็บกด
เดินสองชั่วโมง หมดไปสองพัน
ต้องรีบถอนตัวออกจากงานก่อนจะหมดตังไปมากกว่านี้
จะว่าไป จะมีอีกหลายคนรึเปล่าที่เปนแบบเรา... ซื้อหนังสือเฉพาะตอนช่วงงานสับดาหนังสือ ซื้อเยอะๆ ตุนไว้อ่านหกเดือน แล้วค่อยไปซื้ออีกทีตอนงานหนังสือครั้งหน้า
จบงานนี้ มานั่งดูหนังสือที่ซื้อ ก็แปลกใจเหมือนกัน
...ไม่ได้ซื้อพอคเกตบุ้คมา!!!
เช่นเดียวกับเทรนด์ชาเขียว
ตอนนี้เทรนด์พอคเกตบุ้คกำลังเกลื่อนแผงหนังสือไทย (เป็นมานานพอสมควรแล้ว) ใครทำอะไรนิดหน่อยต้องจับมาเขียนพอคเกตบุ้คให้หมด
- เที่ยวทั่วไร่ กับหนอนชินเม
- ชีวิตสุดฤทธิ์ ในแดนอาทิตย์อุทัย (บาย แนต)
เกลื่อนพอๆกับเทรนด์ ฮาวทู
- ฮาวทู ซัคเซส อิน ไดเรคเซล บิซซิเนส (น้องบอย พวงมาลัยแยกพระรามเก้า)
- อยู่กับไก่ โดยไม่ตืดเชื้อ (บาย ลุงเคน ซีเอฟเค)
ไม่รู้ว่าในอนาคตจะมีอะไรแปลกๆกว่านี้ออกมาอีกไม๊...
นอกจากวันนี้จะไปงานหนังสือเพิ่อกอบโกยความรู้ (เหรอ) เข้าสมอง
วันนี้ยังตั้งใจจะไปสมัครใช้ High Speed Internet ซึ่งเค้าว่ากันว่าโลกไซเบอร์ใบนี้เต็มไปด้วยความรู้เต็มไปหมด เพราะเราสามารถหารายละเอียดได้ลึกสุดๆ
เช่น คนที่อยากซื้อไพ่ ก็น่าจะมีเว็บแหล่งซื้อไพ่
มีการเปรียบเทียบขนาด น้ำหนัก เปรียบเทียบคุณสมบัติวัสดุ (ชนิด A ป้องกันไม่ให้เจ้ามือใช้กล้องอินฟาเรดส่องดูไพ่ของเราได้ ชนิด B ป้องกันผี(พนัน)ได้ดี ในขณะที่ชนิด C ดึงดูดเงินเร็วเป็นพิเศษ แต่ก็เสียเงินง่ายตามไปด้วย)
...ประมาณนั้น
เข้าเรื่องใหม่...
เนื่องจากไม่ได้เป็นเจ้าของเบอร์ เลยต้องเอาสำเนาบัตรลุงไปยื่น ปรากดว่า หลังจากต้องเดินไปเซนทรัลเกือบสิบนาที ก็ได้รับคำตอบว่า ต้องให้เซ็นหนังสือมอบอำนาจก่อน
... ก้อด้ายยย
สามสิบนาทีต่อมา (หลังจากเดินกลับบ้านไปเซ็นอะไรเรียบร้อยแล้ว) กูก็กลับมาที่ทรูชอปใหม่อีกรอบ ยื่นเอกสาร แล้วก็ได้รับคำตอบว่า อายุ 18 ไม่สามารถมอบอำนาจได้
...
@!#$%^@&&**&&^*($
อะไรวะ
จดทะเบียนมือถือรายเดือนได้ จ่ายรายเดือนมากกว่าค่าไฮสปีดอีก ยังใช้ชื่อตัวเองได้ ทีแค่มาสมัครไฮสปีด ทำไมจะทำไม่ได้
เสียรมณ์โคตร
ไปๆมาๆก็นึกถึงแฟรงค์ อบาเนล (Catch me if you can) หรือกูจะปลอมบัตรประชาชนกูดี เปลี่ยนทุกอย่างให้หมด แล้วยื่นเป็นเจ้าของเบอร์แม่งเลย...
ก็เว่อร์ไป
เอาเฮอะ... พรุ่งนี้ค่อยตั้งต้นใหม่
วันนี้แค่นี้ก่อนแล้วกัน
ปล. วันนี้ไปแดกหมูกะทะกับเพื่อนทั้งหลายให้หายคิดถึง ไอ้ปั้นเสียงดังโคตร ไอ้ขวันก็ยังเห่อ P800ไม่เลิก ล่าสุดเปลี่ยน desktop P800 กลายเป็นสไตล์ Mac OS X ไปแล้ว
ถ้าใครได้เปิดอ่านไดเมื่อวาน วันนี้เปิดมาคงตกใจนิดหน่อย ทำไมหน้าตาเว็บมันเปลี่ยนไปหว่า... หึหึหึ เป็นเพราะฝีมือใครก็คงรู้ๆกันอยู่ ... นี่ก็เปนอีกเหตุผลนึงที่เลือกมาใช้ไดที่ storythai เพราะมันปรับแต่งได้เยอะดี (ไว้ลายคนทำเว็บซะหน่อย) สำหรับหน้าตาเว็บใหม่นี้ใครชอบไม่ชอบอะไรก็บอกมาได้นะคับ
วันนี้มาต่อกันจากเรื่องเมื่อวาน ใครที่เพิ่งอ่านวันนี้วันแรก แนะนำให้ไปอ่านของเมื่อวานก่อนนะ
Lowcost VS มือสอง
-1-
สืบเนื่องมาจากเมื่อวานได้ไปถามราคา iTrip มาแล้วคนขายบอกว่ามีของมือสองราคาสองพัน ก็ทำให้เรานึกถึงเทรนด์ที่มาแรงในช่วงนี้ นั่นก็คือ
เทรนด์มือสอง และเทรนด์ Low Cost
สำหรับเทรนด์มือสอง ดูเหมือนว่าจะฮิตมากในช่วงเด็กแนวครองเมือง ทุกอย่างต้องเป็นมือสองหมดถึงจะคูลล ไม่ว่าจะเป็น เสื้อมือสอง รองเท้ามือสอง กางเกงมือสอง ซึ่งเทรนด์เด็กแนวมือสองนี้ มาพร้อมๆกับเทรนด์"ทำมือ" ไม่ว่าจะเป็น หนังสือทำมือ เพลงทำมือ(เบ้ดรูม) เสื้อผ้าทำมือ ซึ่งประเภทหลังนี่ก็จะบูรณาการกับเทรนด์มือสองในตัว คือเอาเสื้อผ้าใช้แล้วมานั่งทำอะไรนิดหน่อยแล้วก็ไปขายมือสอง
สำหรับผู้ที่ซื้อของ มือสอง นั้น สามารถแยกเหตุผลได้เป็นสองแบบ คือ
1. เหตุผลเรื่องความ คูลลล เพราะของมือสองที่ใช้แล้ว มันมีเสน่ห์ของมัน เช่น ผ้ายีนส์ สีต้องผ่านการขึ้นรามาแล้ว หรือรองเท้าคอนเวิร์ส ถ้าฝุ่นไม่จับ ผ้าไม่ขาด ส้นไม่หาย เชือกใหม่เอี่ยม จะถือว่าตกยุคอย่างแรง
สำหรับแหล่งความรู้เรื่องของมือสอง คูลล คูลล ต้องยกให้พี่ขวันของเรา ซึ่งใครที่เป็นชาว KUS29 คงจะรู้ดีกันทั้งสิ้น ไอ้ที่กูมีปัญญามานั่งสาธยายถึงเรื่องของมือสองคูลๆ ได้ก็มาจากประสบการณ์ที่เห็นพี่เค้านั่นแหละ ที่แทบจะว่ากูทุกครั้งเวลาเห็นยีนส์ที่ใส่แล้วซักทุกวัน เพราะพี่แกต้องทิ้งไว้เป็นเดือนให้ขึ้นราสีสวย พอกูได้ยีนส์ มือสอง ตกทอดมาจากลุงเท่านั้นแหละ เหมือนเฮียแกมีเรดาร์ของมือสอง ถามทันที (ทั้งๆที่กูไม่ได้คิดอะไรเล้ยตอนใส่ยีนส์ตัวนั้น) ว่ายีนส์มือสองใช่มั้ย
2. เหตุผลเรื่องราคา แน่นอนครับ สำหรับผู้ที่เบี้ยน้อยหอยน้อย เวลาจะมองของแพงๆ ก็มักจะหันมาดูของมือสอง โดยเฉพาะอุปกรณ์อิเลคโทรนิกส์ทั้งหลาย ถ้าจะให้จัดประเภทของกูว่าเป็นพวกใช้ของมือสองแบบไหน คงต้องอยู่ในประเภทที่สองเป็นหลัก จะสาธยายให้ฟังว่ามีของมือสองถูกๆอะไรบ้างนะ ก็มี.. มือถือ ทั้งสองเครื่องเลย M35 กับ T610 นี่ ได้ตกทอดมาเป็นมรดก... Laser Printer ที่บ้าน ก็เป็นของมือสอง แต่ใช้คุ้มชิบหาย ใช้มาสองสามปีแล้วพิมพ์กระดาษเป็นพันๆหน้ายังไม่ได้เปลี่ยนโทเนอร์เลย หรือแม้กระทั่ง iPodสุดรักของกู หลายคนคงยังไม่รู้ มันไม่ใช่ของมือหนึ่งครับ! มันเป็นของมือสอง!! ความจริงไม่รู้จะเรียกมือสองรึเปล่าเพราะทาง Apple เค้าเรียกว่าเป็นของ Refurbished รายละเอียดเพิ่มเติมเรื่อง refurbished
ทั้งนี้ ของมือสองสองประเภทนี้ อาจเหมือนกัน และไม่เหมือนกันก็ได้นะครับ เพราะของมือสองคูลๆ ไม่ถูกเสมอไป และของมือสองถูกๆ ก็ไม่คูลทุกชิ้น
Note : พี่ขวันของเรายังคงครองความเป็นเจ้าพ่อของมือสอง เพราะเฮียแกเพิ่งถอย P800 มือสองจา MBK มาหมาดๆ ตอนนี้กำลังเห่อเต็มที่ครับ เฮียแกถึงกับยืนยันว่าจะไม่เปลี่ยนมือถืออีกเลยจนกว่าจะทำงาน (จะจิงเร้อ)
-2-
หลังจากเทรนด์มือสองคูลๆ บูมขึ้นไม่นาน เทรนด์ Low Cost ก็เริ่มเข้ามาปกคลุมประเทศไทย เหมือนเป็นการตอบโต้จากตลาดแมสมาร์เกต
จะว่าไปแล้ว ไอ้เรื่อง Low Cost เนี่ยมีมาก่อนช่วงมือสองคูลๆบูมนะ แต่ว่ามันจำกัดในวงแคบๆ จึงไม่มีใครเรียกมันว่าเป็น Low Cost ... มันก็คึอพวกห้างซูเปอร์สโตร์ ไฮเปอร์มาร์เกตทั้งหลาย ไอ้โลตัส บิ๊กซี คาร์ฟูร์เนี่ยแหละ
แต่คนที่ทำให้กระแส Low Cost บูมจริงๆ หนีไม่พ้นรัฐบาลไทยรักไทยของเราครับ ที่เข็นแคมเปญ Low Cost สารพัดมากระหน่ำ ตั้งแต่โปรโมชั่นบัตรทอง รักษาพยาบาลแบบ Low Cost หรือว่าจะเป็นแคมเปญซีรี่ยส์ "เอื้ออาทร" ซึ่งก็คือ Low Cost แท้ๆนี่เอง ไม่ว่าจะเป็น บ้าน Low Cost, ประกัน Low Cost, แทกซี่ Low Cost, คอม Low Cost ซึ่งกระหึ่มไปทั่วบ้านทั่วเมือง
หลังจากนั้นเทรนด์ Low Cost ก็กระจายไปสู่ผลิตภัณฑ์หลากหลายพอๆกับชาเขียว ตั้งแต่สายการบิน Low Cost, Windows XP แบบ Low Cost, เนตไฮสปีดแบบ Low Cost เปนต้น
-3-
กลับมาที่สถานการ์ณเลือกซื้อ iTrip กันใหม่... หลังจากที่ได้ลองใช้ iTrip มือสองแล้ว การใช้งานก็น่าประทับใจชวนซื้อสุดๆ ดูไม่น่ามีปัญหา คนขายบอกว่าเจ้าของที่ฝากขายเพิ่งซื้อไปได้สองอาทิตย์ แต่พอดีเปลี่ยนใจไปใช้ iPod mini เลยฝากขาย
อืมมม หรือกูจะซื้อดีมั้ยเนี่ย เอ๊ะแต่ทำไมตัวเครื่องมันถลอกๆจัง... ก็อย่างเงี้ยน้าของมือสอง... แต่ขายตั้งสองพัน ของมือหนึ่งเมกาก็แค่พันหกเองงง ทำไงดีหว่า
"เอ่อ แต่ถ้าไม่สบายใจ ก็ค่อยมาวันหลังตอนของเข้ามาก็ได้ค่ะ" เอ๊ะ คนขายคนนี้แม่งรู้ใจกูว่ะ เพราะเค้าคิดว่ากูไม่อยากได้ของมือสองจริงๆหรือว่าเห็นว่ากูไม่ซื้อแน่ๆ รีบๆตัดบทไล่ไปแบบไม่เสียน้ำใจดีกว่า
เมื่อโอกาสมาอย่างงี้ จะปล่อยให้หลุดง่ายๆได้ไง ผลก็คึอ... กูบอกขอบคุณคับแล้วก็เดินออกจากร้านได้อย่างไม่เสียฟอร์ม 555
แต่สิ่งที่นึกขึ้นได้หลังจากนั้น ก็คือ.. คำพูดของคนขายเมื่อกี้นี้ มันยืนยันได้ว่า ยังมีอีกหลายต่อหลายคน ที่ไม่สนกระแสของมือสอง หรือของ low cost... ยังไงของมือหนึ่ง คุณภาพดีๆ ก็ยังขายได้เสมอ :)
ปล. ตอนนี้ชาว KUS29 มี iPod (และ iPod mini) แล้ว 10 คนแหนะ
ปปล. เรื่องวันนี้ดูโคตรวิชาการเลยว่ะ เขียนไปได้ไงเนี่ย
วันนี้มาต่อกันจากเรื่องเมื่อวาน ใครที่เพิ่งอ่านวันนี้วันแรก แนะนำให้ไปอ่านของเมื่อวานก่อนนะ
Lowcost VS มือสอง
สืบเนื่องมาจากเมื่อวานได้ไปถามราคา iTrip มาแล้วคนขายบอกว่ามีของมือสองราคาสองพัน ก็ทำให้เรานึกถึงเทรนด์ที่มาแรงในช่วงนี้ นั่นก็คือ
เทรนด์มือสอง และเทรนด์ Low Cost
สำหรับเทรนด์มือสอง ดูเหมือนว่าจะฮิตมากในช่วงเด็กแนวครองเมือง ทุกอย่างต้องเป็นมือสองหมดถึงจะคูลล ไม่ว่าจะเป็น เสื้อมือสอง รองเท้ามือสอง กางเกงมือสอง ซึ่งเทรนด์เด็กแนวมือสองนี้ มาพร้อมๆกับเทรนด์"ทำมือ" ไม่ว่าจะเป็น หนังสือทำมือ เพลงทำมือ(เบ้ดรูม) เสื้อผ้าทำมือ ซึ่งประเภทหลังนี่ก็จะบูรณาการกับเทรนด์มือสองในตัว คือเอาเสื้อผ้าใช้แล้วมานั่งทำอะไรนิดหน่อยแล้วก็ไปขายมือสอง
สำหรับผู้ที่ซื้อของ มือสอง นั้น สามารถแยกเหตุผลได้เป็นสองแบบ คือ
1. เหตุผลเรื่องความ คูลลล เพราะของมือสองที่ใช้แล้ว มันมีเสน่ห์ของมัน เช่น ผ้ายีนส์ สีต้องผ่านการขึ้นรามาแล้ว หรือรองเท้าคอนเวิร์ส ถ้าฝุ่นไม่จับ ผ้าไม่ขาด ส้นไม่หาย เชือกใหม่เอี่ยม จะถือว่าตกยุคอย่างแรง
สำหรับแหล่งความรู้เรื่องของมือสอง คูลล คูลล ต้องยกให้พี่ขวันของเรา ซึ่งใครที่เป็นชาว KUS29 คงจะรู้ดีกันทั้งสิ้น ไอ้ที่กูมีปัญญามานั่งสาธยายถึงเรื่องของมือสองคูลๆ ได้ก็มาจากประสบการณ์ที่เห็นพี่เค้านั่นแหละ ที่แทบจะว่ากูทุกครั้งเวลาเห็นยีนส์ที่ใส่แล้วซักทุกวัน เพราะพี่แกต้องทิ้งไว้เป็นเดือนให้ขึ้นราสีสวย พอกูได้ยีนส์ มือสอง ตกทอดมาจากลุงเท่านั้นแหละ เหมือนเฮียแกมีเรดาร์ของมือสอง ถามทันที (ทั้งๆที่กูไม่ได้คิดอะไรเล้ยตอนใส่ยีนส์ตัวนั้น) ว่ายีนส์มือสองใช่มั้ย
2. เหตุผลเรื่องราคา แน่นอนครับ สำหรับผู้ที่เบี้ยน้อยหอยน้อย เวลาจะมองของแพงๆ ก็มักจะหันมาดูของมือสอง โดยเฉพาะอุปกรณ์อิเลคโทรนิกส์ทั้งหลาย ถ้าจะให้จัดประเภทของกูว่าเป็นพวกใช้ของมือสองแบบไหน คงต้องอยู่ในประเภทที่สองเป็นหลัก จะสาธยายให้ฟังว่ามีของมือสองถูกๆอะไรบ้างนะ ก็มี.. มือถือ ทั้งสองเครื่องเลย M35 กับ T610 นี่ ได้ตกทอดมาเป็นมรดก... Laser Printer ที่บ้าน ก็เป็นของมือสอง แต่ใช้คุ้มชิบหาย ใช้มาสองสามปีแล้วพิมพ์กระดาษเป็นพันๆหน้ายังไม่ได้เปลี่ยนโทเนอร์เลย หรือแม้กระทั่ง iPodสุดรักของกู หลายคนคงยังไม่รู้ มันไม่ใช่ของมือหนึ่งครับ! มันเป็นของมือสอง!! ความจริงไม่รู้จะเรียกมือสองรึเปล่าเพราะทาง Apple เค้าเรียกว่าเป็นของ Refurbished รายละเอียดเพิ่มเติมเรื่อง refurbished
ทั้งนี้ ของมือสองสองประเภทนี้ อาจเหมือนกัน และไม่เหมือนกันก็ได้นะครับ เพราะของมือสองคูลๆ ไม่ถูกเสมอไป และของมือสองถูกๆ ก็ไม่คูลทุกชิ้น
Note : พี่ขวันของเรายังคงครองความเป็นเจ้าพ่อของมือสอง เพราะเฮียแกเพิ่งถอย P800 มือสองจา MBK มาหมาดๆ ตอนนี้กำลังเห่อเต็มที่ครับ เฮียแกถึงกับยืนยันว่าจะไม่เปลี่ยนมือถืออีกเลยจนกว่าจะทำงาน (จะจิงเร้อ)
หลังจากเทรนด์มือสองคูลๆ บูมขึ้นไม่นาน เทรนด์ Low Cost ก็เริ่มเข้ามาปกคลุมประเทศไทย เหมือนเป็นการตอบโต้จากตลาดแมสมาร์เกต
จะว่าไปแล้ว ไอ้เรื่อง Low Cost เนี่ยมีมาก่อนช่วงมือสองคูลๆบูมนะ แต่ว่ามันจำกัดในวงแคบๆ จึงไม่มีใครเรียกมันว่าเป็น Low Cost ... มันก็คึอพวกห้างซูเปอร์สโตร์ ไฮเปอร์มาร์เกตทั้งหลาย ไอ้โลตัส บิ๊กซี คาร์ฟูร์เนี่ยแหละ
แต่คนที่ทำให้กระแส Low Cost บูมจริงๆ หนีไม่พ้นรัฐบาลไทยรักไทยของเราครับ ที่เข็นแคมเปญ Low Cost สารพัดมากระหน่ำ ตั้งแต่โปรโมชั่นบัตรทอง รักษาพยาบาลแบบ Low Cost หรือว่าจะเป็นแคมเปญซีรี่ยส์ "เอื้ออาทร" ซึ่งก็คือ Low Cost แท้ๆนี่เอง ไม่ว่าจะเป็น บ้าน Low Cost, ประกัน Low Cost, แทกซี่ Low Cost, คอม Low Cost ซึ่งกระหึ่มไปทั่วบ้านทั่วเมือง
หลังจากนั้นเทรนด์ Low Cost ก็กระจายไปสู่ผลิตภัณฑ์หลากหลายพอๆกับชาเขียว ตั้งแต่สายการบิน Low Cost, Windows XP แบบ Low Cost, เนตไฮสปีดแบบ Low Cost เปนต้น
กลับมาที่สถานการ์ณเลือกซื้อ iTrip กันใหม่... หลังจากที่ได้ลองใช้ iTrip มือสองแล้ว การใช้งานก็น่าประทับใจชวนซื้อสุดๆ ดูไม่น่ามีปัญหา คนขายบอกว่าเจ้าของที่ฝากขายเพิ่งซื้อไปได้สองอาทิตย์ แต่พอดีเปลี่ยนใจไปใช้ iPod mini เลยฝากขาย
อืมมม หรือกูจะซื้อดีมั้ยเนี่ย เอ๊ะแต่ทำไมตัวเครื่องมันถลอกๆจัง... ก็อย่างเงี้ยน้าของมือสอง... แต่ขายตั้งสองพัน ของมือหนึ่งเมกาก็แค่พันหกเองงง ทำไงดีหว่า
"เอ่อ แต่ถ้าไม่สบายใจ ก็ค่อยมาวันหลังตอนของเข้ามาก็ได้ค่ะ" เอ๊ะ คนขายคนนี้แม่งรู้ใจกูว่ะ เพราะเค้าคิดว่ากูไม่อยากได้ของมือสองจริงๆหรือว่าเห็นว่ากูไม่ซื้อแน่ๆ รีบๆตัดบทไล่ไปแบบไม่เสียน้ำใจดีกว่า
เมื่อโอกาสมาอย่างงี้ จะปล่อยให้หลุดง่ายๆได้ไง ผลก็คึอ... กูบอกขอบคุณคับแล้วก็เดินออกจากร้านได้อย่างไม่เสียฟอร์ม 555
แต่สิ่งที่นึกขึ้นได้หลังจากนั้น ก็คือ.. คำพูดของคนขายเมื่อกี้นี้ มันยืนยันได้ว่า ยังมีอีกหลายต่อหลายคน ที่ไม่สนกระแสของมือสอง หรือของ low cost... ยังไงของมือหนึ่ง คุณภาพดีๆ ก็ยังขายได้เสมอ :)
ปล. ตอนนี้ชาว KUS29 มี iPod (และ iPod mini) แล้ว 10 คนแหนะ
ปปล. เรื่องวันนี้ดูโคตรวิชาการเลยว่ะ เขียนไปได้ไงเนี่ย
ไม่รู้เหมือนกันว่าโดนยุท่าไหนถึงได้มาเขียน เห็นหลายคนเขียนมาหลายเดือนไม่เห็นนึกอยากเขียนบ้างเลย ทำไมเพิ่งมานึกทำก็ไม่รู้
ความจริงไม่อยากเรียกว่านี่คือ Diary เท่าไหร่ เพราะคงจะเขียนถึงบางสิ่งที่ได้พบในวันนั้นแล้วดลใจให้มาเขียนซะมากกว่า
นี่คงเป็นอีกเหตุผลที่มาเริ่มเขียน เพราะไม่ได้บริหารความคิดมานานแล้ว ได้มีโอกาสมาหยุดพิจารณาอะไรรอบๆตัวเราซะหน่อยก็คงจะดี
ยินดีต้อนรับครับ
มาเริ่มเลยดีกว่า
วันนี้หลังจากล้มเลิกความตั้งใจที่จะไปเดินงานหนังสือ เนื่องจากจำนวนคนที่อัดเข้าไปจนแทบไม่มีโอกาสได้จับต้องหนังสือที่วางอยู่ ก็เลยนั่งรถใต้ดินแวะ IT Mall เพื่อไปดูราคา iTalk (add-on อัดเสียงของ iPod)
"เครื่องละ 2500 ค่ะ" เสียงคนขายกังวาลอยู่ไหนหัว เช้ดเข้ทำไมแม่งแพงงี้วะ เมกาขายแค่พันหกกูก็ว่าแพงแล้วนะ แต่ความจริงก็เตรียมใจมาก่อนแล้วล่ะว่าแม่งต้องโก่งราคาแน่ๆ
อยากรู้จัง ว่าคนขายของราคาแพงๆนี้ ถ้าเป็นคนที่ไม่ค่อยมีฐานะดี(ก็คือไม่มีปัญญาซื้อของที่ตัวเองขายนั่นแหละ) ต้องขายของราคาแพงๆ ให้ลูกค้าต้องสะดุ้ง เค้าจะรู้สึกดูถูกลูกค้าว่า "ไอ้เหี้ยไม่มีเงินแล้วเสือกจะมาถามราคา" หรือว่าเห็นใจลูกค้าว่า "เหี้ยทำไมแม่งตั้งราคาเว่ออย่างงี้วะ" กันแน่ มันจะสะทกสะท้านกันบ้างไม๊เวลาเอ่ยราคาหลักหมื่นหลักแสนใส่ลูกค้าเหมือน "ก็ของระดับนี้ ราคาแค่นี้ก็ถูกแล้วนะ" หรือมันจะแอบพนันกับเพื่อนข้างหลังร้านก่อนเดินมาหาลูกค้าว่า "ไอ้นี่ไม่มีปัญญาซื้อแน่ๆ"
"เอ่อ แต่ตอนนี้ของหมดค่ะ" อืมมม... คำนี้ดูเหมือนจะช่วยตัดสิ่งที่กำลังวิ่งในหัวว่า จะเดินออกจากร้านยังไงให้ดูมีเชิงที่สุด คิดว่าหลายๆคนคงเป็นกัน เวลาเห็นของที่อยากได้จริงๆ ทั้งๆที่รู้ว่าแม่งแพง เรามักจะเจออุปสรรค 4 อย่างหลักๆ
1. อยากไปดูของใจจะขาด แต่กลัวคนขายเขม่นว่าไม่มีปัญญาซื้อแล้วจะมาดูอีก
2. หลังจากรวบรวมความกล้าเข้าไปดูแล้ว แน่นอน ถ้ามีราคาติดอยู่ คำพูดที่กลัวที่สุดคือ "มีอะไรให้ช่วยไม๊คะ" หรือ "สนใจอันไหนคะ" (พูดง่ายๆ just leave me alone, please!) หรือ ถ้าไม่มีราคา ก็ต้องรอรับชะตากรรมไว้กับคนขายต่อไป
3. พอทราบราคาแล้ว จะต้องแสดงความคิดเห็นกลับต่อคนขายอย่างไร เช่น อ้าปากหวอด้วยความช้อค หรือทำเป็น อื้ม ถูกดีนี่ หรือไม่ก็ ถามราคาของชิ้นอื่นไปเรื่อยๆ ทำเป็นสนใจชิ้นโน้นชิ้นนี้ ทั้งๆที่ไม่ได้สนแม่งหรอก ไม่รู้จะปลีกตัวหนีอย่างไร
4. จะเดินออกไปจากร้านยังไงให้ดูดีที่สุด
อย่างไรก็ตาม คนขายคนเดิมพูดต่อว่า "เอ่อ แต่ตอนนี้จริงๆแล้ว มีของมือสองที่เค้าฝากขายไว้นะคะ 2000 บาท จะดูไม๊คะ"
"อ้า... ดีครับ"
โปรดติดตามตอนต่อไป "มือสอง และ lowcost"
ปล. ความจริง ไอ้ที่เขียนมาวันนี้เนี่ย มันคือเกริ่นนำของเรื่องพรุ่งนี้ แต่รู้สึกว่าแม่งจะยาวไปและ เลยแยกวันเขียนดีกว่า เหอๆ (เลือดนักเขียนกระฉูด)
ปปล. ขออภัยในคำหยาบคับ
Post a Comment